การบินไทย รายได้พุ่ง 10.7% แต่กำไรร่วงหนัก 80% เหลือแค่ 2 พันล้านบาท

การบินไทยเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567 รายได้รวมอยู่ที่ 45,955 ล้านบาท เติบโต 10.7% จากปีก่อน แต่กำไรสุทธิกลับดิ่งลง 80% เหลือเพียง 2,423 ล้านบาทเท่านั้น

การบินไทย รายได้พุ่ง 10.7% แต่กำไรร่วงหนัก 80% เหลือแค่ 2 พันล้านบาท

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 รายได้รวมอยู่ที่ 45,955 ล้านบาท เติบโต 10.7% จากปีก่อน มาจากทั้งการเพิ่มเที่ยวบินและความต้องการเดินทางที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ 3 เส้นทางหลัก ยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทกลับวูบลงถึง 80% เหลือเพียง 2,423 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก อัตราแลกเปลี่ยนและบันทึกด้อยค่าเครื่องบิน แม้รายได้รวมจะเพิ่มขึ้น จาก 41,507 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2566 เป็น 45,955 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2567 แต่กำไรสุทธิกลับดิ่งลง 80% เหลือเพียง 2,423 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก อัตราแลกเปลี่ยนบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการแปลงสกุลเงิน และบันทึกด้อยค่าเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งาน 18 ลำ อย่างไรก็ตาม การบินไทยยังมี EBITDA (กำไรก่อนหักค่าดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ) ที่ใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท

รายละเอียดผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567

• รายได้รวม: 45,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% จากปีก่อนที่ 41,507
• รายได้ขายตั๋วโดยสาร: 38,517 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.รายได้ผู้โดยสารทั่วไป: 38,387 ล้านบาท 2.รายได้จากส่วนราชกา
• ภายในประเทศ: 130 ล้านบาท คิดเป็น 0.3% ของรายได้ตั๋วทั้หมด
• รายได้จากเส้นทางบิน: ยุโรป 34.5% เอเชียเหนือ 32.8% เอเชียตะวันตกและตะวันออกกลาง 11.9% ออสเตรเลีย 7.2% อาเซียน 7.7% และภายในประเทศ 5.9%
• กำไรสุทธิ: 2,423 ล้านบาท ลดลง 80.7% จากปีก่อนที่ 12.523 ล้านบาท
• กำไรการดำเนินงานก่อนหักต้นทุนทางการเงิน: 11,075 ล้านบาท ลดลง 15% จากปีก่อนที่ 13,034 ล้านบาท
• EBITDA: 14,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่เป็นเงินจำนวน 14,054 ล้านบาท

รอขายฝูงบินเก่า 18 ลำ

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอลงนามสัญญาขายฝูงบินเก่า 18 ลำ ประกอบด้วย แอร์บัส A380 โบอิ้ง B777-200 และโบอิ้ง B777-300 โดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญากับผู้ซื้อได้ทั้งหมดภายในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่จะยังไม่ได้รับเงินทันที เพราะต้องรอให้ผู้ซื้อตรวจสอบสภาพเครื่องบิน การขายฝูงบินเก่าครั้งนี้ จะช่วยลดภาระต้นทุนของบริษัทฯ และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ทั้งนี้ การบินไทยยังคงเดินหน้าแผนฟื้นฟู โดยมุ่งเน้นไปที่ การปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขยายตลาด และสร้างรายได้ใหม่ๆ เพื่อนำพาบริษัทฯ กลับมาสู่ความยั่งยืนอีกครั้ง

การบินไทย เผยแผนขยายตลาดไตรมาส 2-4 เพิ่มเที่ยวบินตรงสู่จุดหมายปลายทางสำคัญ กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

นาย กรกฎ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ ประกาศแผนกลยุทธ์เชิงรุกตลาดไตรมาส 2-4 ปี 2567 มุ่งเน้นขยายเครือข่ายการบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่จุดหมายปลายทางยอดนิยมใน 3 เส้นทางหลัก ดังนี้

1. เส้นทางบินสู่ ออสเตรเลีย

• เพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ เมืองซิดนีย์ เป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน
• เพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ เมืองเพิร์ธ เป็น 1 เที่ยวบินต่อวัน
• เพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ เมืองเมลเบิร์น เป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน

2. เส้นทางบินสู่ ยุโรป

• เปิดให้บริการเที่ยวบินตรงสู่ เมืองออสโลว์ ประเทศนอร์เวย์ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มเดือนกรกฎาคม 2567
• เปิดให้บริการเที่ยวบินตรงสู่ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เริ่มเดือนกรกฎาคม 2567
• เพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เริ่มไตรมาส 4 ปี 2567

3. เส้นทางบินสู่ เอเชีย

• เพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน จาก 7 เป็น 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
• เพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จาก 7 เป็น 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
• เปิดให้บริการเที่ยวบินตรงสู่ เมืองอัมริตสาร์ ประเทศอินเดีย เริ่มไตรมาส 4 ปี 2567

สำหรับกลยุทธ์การขยายตลาด คือ การบินไทยมุ่งเน้นขยายตลาดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจาก ประเทศจีน อินเดีย และออสเตรเลีย สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลไทย และมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย สำหรับผลลัพธ์ที่การบินไทยคาดหวัง การขยายเที่ยวบินบินตรงเหล่านี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และกระจายรายได้สู่ภูมิภาค พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย

การบินไทยเผยค่าใช้จ่ายไตรมาส 1 พุ่ง 22.5% จากปีก่อน

 

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยค่าใช้จ่ายรวมไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 34,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 28,473 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 สาเหตุหลัก ดังนี้

1. ปริมาณการผลิตและ/หรือการขนส่ง จำนวนเที่ยวบิน จุดบิน ผู้โดยสาร: ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นตามจำนวนเที่ยวบิน จุดบิน และจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
2. เงินบาทอ่อนค่า: เงินบาทอ่อนค่าส่งผลให้ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นเงินสกุลต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
3. อัตราค่าบริการภาคพื้นและวัตถุดิบสูงขึ้น: ต้นทุนค่าบริการภาคพื้นและวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวม

บริษัทฯ บันทึกต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) รวม 4,608 ล้านบาท แบ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่าย 4,036 ล้านบาท ประกอบด้วย

• ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 5,372 ล้านบาท
• การด้อยค่าของเครื่องบิน สินทรัพย์สิทธิการใช้ และอุปกรณ์การบินหมุนเวียน 3,338 ล้านบาท
• มีรายการปรับปรุงรายได้บัตรโดยสารที่หมดอายุ 4,136 ล้านบาท
• กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 493 ล้านบาท
• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 36 ล้านบาท

การบินไทยเดินหน้าแผนฟื้นฟู เตรียมยื่นกลับซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2568

บริษัท การบินไทย เดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง บรรลุเป้าหมายสำคัญในการขายอากาศยานที่ปลดระวาง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของแผนฟื้นฟู โดย บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะยื่นกลับซื้อขายหลักทรัพย์และออกจากแผนฟื้นฟูกิจการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ภายในปี 2568 นอกจากนี้ทาง การบินไทยยัง คาดการณ์ผลประกอบการปี 2567 ให้ได้รายได้รวมอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1.6 แสนล้านบาท และคาดการณ์อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ที่ 75% แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงติดตามปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจัยนี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมกำไรของบริษัทฯ

สุดท้ายนี้ถึงแม้การบินไทยเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูกิจการและกลับมาสู่ความยั่งยืน แผนฟื้นฟูและกลยุทธ์ใหม่ ๆ ของบริษัทฯ จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้

ที่มา การบินไทย และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย