ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ BTS ชนะคดีความ ทาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรุงเทพธนาคม (KT) ต้องจ่ายเงินกว่า 12,000 ล้านบาท เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย คำตัดสินครั้งนี้ส่งผลให้ราคาหุ้น BTS ผันผวน นักวิเคราะห์มองว่าเป็นโอกาสในการซื้อ
ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง สั่งให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 เป็นจำนวนเงิน 12,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ภายใน 180 วัน
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTSC เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนนำเงินดังกล่าวไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดภายในปีนี้ สำหรับคดีนี้ BTSC ได้ยื่นฟ้อง กทม. และ KT เพื่อเรียกชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งสองช่วง ซึ่งค้างชำระตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 ถึงกรกฎาคม 2564 นอกจากนี้ ยังมีคดีที่ BTSC ฟ้อง กทม. และ KT กรณีค้างชำระค่าจ้างในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ถึงตุลาคม 2565 อีกราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งศาลปกครองกลางยังไม่มีคำสั่ง คาดว่าจะรอผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ เนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาคดีที่เหลือต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีงบประมาณเพียงพอ คาดว่าจะสามารถชำระเงินให้แก่บริษัทฯ ตามคำสั่งศาลได้ แต่หากงบประมาณไม่เพียงพอ อาจพิจารณาขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล หรืออาจจำเป็นต้องเจรจาหาทางออกร่วมกัน ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้บริษัทฯ เจรจาต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ตามที่มีกระแสข่าวว่า BTS มีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า ไทย สมายล์ บัส นั้น บริษัท นายคง ชิ เคือง กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้แจงว่า กลุ่มบริษัทไม่มีแผน หรือสนใจในการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด
ราคาหุ้นของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 4.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ 0.93% และค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปปแตะระดับ 4.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 3.74% ภายหลังจากรับทราบผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดที่ 4.24 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือลดลง -2.30% และกลับมาปิดตลาดภาคเช้าที่ 4.28 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ "ซื้อ" หุ้น BTS โดยประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี SOTP (Sum of the Parts) ที่ 6.40 บาท เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบไปเกือบหมดแล้ว รวมถึงความกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินจากบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ตามสัญญา O&M (Operation & Maintenance) ด้วย หากศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ BTS ชนะคดี จะเป็นผลบวกต่อ BTS อย่างมีนัยสำคัญในแง่สถานะกระแสเงินสด ปัจจุบัน BTS มีภาระหนี้สินคงค้างที่ยังไม่ชำระอยู่ในงบดุลรวม 31,000 ล้านบาท (คิดเป็น 2.50 บาทต่อหุ้น)
คดีความระหว่าง BTS และ กทม. นับเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญในแวดวงธุรกิจและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการขนส่งมวลชน แม้ผลการตัดสินจะออกมาเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่ยังคงมีประเด็นที่ต้องจับตามองต่อไป ทั้งเรื่องการชำระหนี้ของ กทม. การต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว และทิศทางราคาหุ้น BTS ในอนาคต
ที่มา : ryt9