ที่ผ่านมา ประเทศไทยพึ่งพาระบบการพยากรณ์ และการแจ้งเตือนน้ำท่วม ที่อาจไม่ทันสมัยหรือไม่ครอบคลุม ทำให้บางพื้นที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยหรือไม่ทันรับมือกับสถานการณ์ แต่ Flood Hub ของ Google สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ ด้วยเทคโนโลยี AI ที่มีความแม่นยำสูง ทำให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นและสามารถรับมือกับน้ำท่วมได้ดีขึ้น
‘Flood Hub’ เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถคาดการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ติดแม่น้ำได้ล่วงหน้า 7 วันเพื่อช่วยให้ผู้คนได้รับการแจ้งเตือน ผ่านการพัฒนาโดย ‘Google Research’ ร่วมกับ ‘Google.org’ องค์กรการกุศลของ Google ที่สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม
เป้าหมายหลักของ Flood Hub คือ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้า ทำให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถตัดสินใจและดำเนินการป้องกันภัยพิบัติก่อนที่น้ำท่วมจะเกิดขึ้นจริง ด้วยข้อมูลอย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเช่นในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีมักมีข้อจำกัด
การทำงานของ Flood Hub ใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ข้อมูลสภาพภูมิอากาศ และการพยากรณ์อากาศจากหน่วยงานต่างๆ เมื่อได้รับข้อมูลแล้ว ระบบจะใช้ AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อสร้างแบบจำลองการพยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้า ซึ่งสามารถพยากรณ์ได้ตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงจนถึงมากสุด 7 วันก่อนที่เหตุการณ์น้ำท่วมจะเกิดขึ้นจริง
โดยหนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Flood Hub คือ ระบบการแจ้งเตือนล่วงหน้า ที่จะแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ผ่านแอปพลิเคชันหรืออีเมลได้โดยตรง เพื่อให้ทุกคนทราบสถานการณ์และสามารถวางแผนการหลบภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน Flood Hub ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก โดยให้การคาดการณ์น้ำท่วมวิกฤตสำหรับพื้นที่กว่า 1,800 แห่ง และครอบคลุมประชากร 460 ล้านคน ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ไม่มีค่าใช้จ่าย เผยแพร่ต่อสาธารณะ และสามารถแชร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลได้ พร้อมกับการคาดการณ์ที่มีการอัปเดตทุกวัน
ทั้งนี้ Google ยังมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการพัฒนาระบบเตือนภัยน้ำท่วมในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ขาดโครงสร้างพื้นฐานในการพยากรณ์น้ำท่วม รวมถึงประเทศไทยที่มีการเกิดน้ำท่วมอย่างสม่ำเสมอ
‘น้ำท่วม’ ถือเป็นภัยธรรมชาติที่พบบ่อยที่สุด และอัตราการเกิดภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทำให้เกิดวงจรอุทกวิทยาที่รวดเร็วขึ้นตามมา
ทำให้ระบบเตือนภัยล่วงหน้า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม โดยรายงานจาก Nature เผยว่า ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า สามารถลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมได้ถึง 43% และต้นทุนทางเศรษฐกิจได้ 35–50%
โดยเฉพาะประชากรในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง คิดเป็นเกือบ 90% ของประชากร 1.8 พันล้านคน ที่เสี่ยงต่อความเสี่ยงจากน้ำท่วม ตามที่ธนาคารโลกประมาณการว่า การยกระดับระบบเตือนภัยน้ำท่วมในประเทศกำลังพัฒนา ให้เป็นไปตามมาตรฐานของประเทศพัฒนาแล้ว จะช่วยชีวิตคนได้เฉลี่ย 23,000 คนต่อปี
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความท้าทาย คือ แบบจำลองการพยากรณ์ทางอุทกวิทยาจะต้องได้รับการปรับเทียบให้เหมาะสมกับลุ่มน้ำแต่ละแห่ง โดยใช้บันทึกข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งลุ่มน้ำบางแห่ง กลับไม่มีมาตรวัดน้ำ และเป็นปัญหาที่สมาคมวิทยาศาสตร์อุทกวิทยาระหว่างประเทศ (IAHS) เผชิญมายาวนานตั้งแต่ปี 2003 ถึงปี 2012 กระทบประเทศกำลังพัฒนาเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ การแจ้งเตือนถึงระดับน้ำไปยังบุคคลและองค์กรต่างๆ อย่างทันท่วงที เป็นอุปสรรคที่พบเห็นอยู่มาก รวมทั้งการเข้าถึงข้อมูล ข้อมูลอุทกวิทยามีความจำเป็นสำหรับการฝึกอบรมหรือการปรับเทียบแบบจำลองอุทกวิทยาที่แม่นยำ และสำหรับการอัปเดตแบบจำลองเหล่านี้แบบเรียลไทม์
ตรงนี้เอง ทำให้ Google จัดทำ Flood Hub เพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากน้ำท่วม โดยการให้ข้อมูลพยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน เพื่อช่วยให้ประชาชนและหน่วยงานรัฐเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที
ที่มา Google Flood Hub, Google Blog, Nature