มิจฉาชีพในคราบ 'นักรัก' เติบโตทั่วโลก ย้อนคดีฉาว ทำคนสูญเงิน-เสียชีวิต

ไซมอน เลเวียฟ: มหาเศรษฐี ราชาแห่งเพชร 

เช่นเดียวกับหนุ่มสาววัยกลางคนที่ใช้แอปพลิเคชันหาคู่อย่าง Tinder เซซีเลีย เฟลฮอย สาวชาวนอร์เวย์อายุ 29 ปีที่อาศัยอยู่ในลอนดอนก็ได้แมทช์กับหนุ่มหน้าตาดีอย่าง ‘ไซมอน เลเวียฟ’ ในฐานะหนุ่มทายาทธุรกิจเพชรขนาดใหญ่ ผู้ที่อ้างว่าตัวเองเป็นลูกชายตระกูลเลเวียฟ นักธุรกิจค้าเพชรชื่อดัง คำกล่าวอ้างของเขาดูน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง เมื่อภาพบนโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา เสื้อผ้าแบรนด์เนมไฮเอนด์ ร้านอาหารสุดหรู และเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว

เซซีเลียฟตัดสินใจเจอกับไซมอนในโลกความเป็นจริง และเขาปรากฏตัวพร้อมแสดงท่าทีอย่างเจ้าชาย เขาพาเธอขึ้นเครื่องบินส่วนตัวในเดทแรก ๆ รวมถึงมอบการดูแลเอาใจใส่ มอบของขวัญราคาแพง ทำให้เซซีเลียเชื่ออย่างสนิทใจว่าได้พบรักแท้ แต่แล้วก็เกิดเรื่องอันตรายพิสูจน์รัก เมื่อไซมอนอ้างว่าถูกศัตรูทางธุรกิจตามล่า จึงไม่สามารถใช้บัตรเครดิตของตัวเองได้เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย จนต้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ โดนให้แฟนสาวรเปิดบัตรเครดิตใหม่และกดเงินสดให้เขา รวมเป็นเงินประมาณ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

หลายคนอาจคิดว่าไซมอนจะชิ่งหนีไปโดยทันที แต่เขายังคงแสดงความรักและความผูกพันทำให้เธอเชื่อว่าความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงอยู่ และเขาจะคืนเงินให้ในที่สุด เขาส่งข้อความหวานๆ โทรศัพท์ และวางแผนอนาคตร่วมกัน เพื่อให้เธอมีความหวัง แถมยังหลอกให้เธอโอนเงินเพิ่มอีกเรื่อย ๆ แต่เมื่อแฟนสาวเริ่มทวงถามเงินคืนอย่างจริงจัง และแสดงความสงสัยมากขึ้น Simon ก็เริ่มหลีกเลี่ยงการติดต่อ และในที่สุดก็ตัดขาดการติดต่อกับเธอ ตอนนั้นเองที่เธอรู้แจ้งแล้วว่ากำลังโดนตุ๋นไม่มีชิ้นดี และต้องแบกหนี้ก้อนใหญ่ไปตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม ไซมอน เลเวียฟถูกจับกุมได้ในที่สุด จากการสืบสวนของหนังสือพิมพ์ Verdens Gang (VG) ของนอร์เวย์ เขาถูกควบคุมตัวระยะสั้น ๆ ในคุกอิสราเอล ฐานฉ้อโกง ความจริงจึงปรากฏว่า เขายังมีเหยื่อสาวที่หลงรักเขาอีกหลายคน และสูญเงินไปไม่น้อยกว่าเซซีเลียเลย ชื่อจริงของเขาคือ ไซมอน ฮายุท และคดีฉาวของเขาถูกเปิดโปงผ่านสารคดี ‘The Tinder Swindler’ ทั้งนี้ มหาเศรษฐีชื่อดังปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นบิดาของเขา และไม่เคยรู้จักกัน 

ล่าสุด ไซมอนออกมาจากคุกแล้ว และใช้ชีวิตคู่กับนางแบบอิสราเอลอย่างสุขสบาย พร้อมปฏิเสธผ่านสื่อว่าเขาไม่ใช่สแกมเมอร์อย่างที่กล่าวหา และเขาร่ำรวยจากการเทรดคริปโต ขณะที่เหยื่อสาวที่โดนหลอกเดินหน้าให้ความช่วยเหลือเหยื่อรายอื่นผ่านมูลนิธิต่าง ๆ แต่ก็ยังต้องก้มหน้าใช้หนี้ที่ก่อขึ้นมาเพราะความรักความหลงที่มีต่อชายจอมปลอมคนหนึ่ง และมูลค่าความเสียหายที่เขาสร้างกับเหยื่อหลายรายรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

ถูกหลอกให้รัก สูญเงิน เสียชีวิต

การต้มตุ๋นทางออนไลน์ไม่ได้นำมาซึ่งการสูญเสียทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว นอกจากจะเสียขวัญ เสียใจ จนต้องพบจิตแพทย์แล้ว ในบางกรณีก็พบว่ามีคนเสียชีวิตเช่นกัน เรื่องราวอันน่าสลดใจนี้เกิดขึ้นกับ ลอรา โควอล หญิงชาวอิลลินอยส์วัย 57 ปี ตกเป็นเหยื่อของ romance scam หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับชายที่ชื่อว่า แฟรงค์ บอร์ก ผ่านเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ พวกเขามีความสนใจและภูมิหลังที่คล้ายคลึงกัน เช่น การมีญาติในไอโอวา การสูญเสียคู่สมรส และมีบุตรเพียงคนเดียวซึ่งเติบโตแล้ว ทั้งคู่จึงเหงาเหมือนกันและตกหลุมรักกันโดยง่าย

แต่แล้วแฟรงค์ปริศนาคนนี้ ก็เริ่มแผนการต้มตุ๋นด้วยการหลอกให้ลอราลงทุนกับบริษัทซื้อขายออนไลน์ของเขา โดยอ้างว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนสูงได้ ในช่วงเวลาหลายเดือน ลอราผู้โชคร้ายโอนเงินให้แฟรงค์ไปหลายครั้ง รวมกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งหมดของเธอ บีบบังคับให้เธอช่วยเขาในการเข้าถึงบัญชีของเหยื่อรายอื่น โดยให้เธอสร้างบัญชีปลอมในแอปหาคู่และเปิดบัญชีธนาคารใหม่หลายบัญชี และทำให้เธอต้องจำนองบ้านเพื่อนำเงินมาให้เขา นอกจากนี้ เขายังสั่งให้เธอทำสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นและอาจตกอยู่ในอันตราย

ท้ายที่สุด ร่างของลอรา ถูกพบในแม่น้ำมิสซิสซิปปี แม้ว่ารายงานการชันสูตรศพจะระบุว่าเป็นการจมน้ำ แต่ครอบครัวเชื่อว่าความเครียดและความสิ้นหวังจากการถูกหลอกลวงเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเสียชีวิต เนื่องจากหลักฐานสำคัญคือจดหมายลาตาย บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอและแฟรงค์บนโลกออนไลน์ เธอยังเขียนด้วยว่าพยายามหยุดเรื่องนี้หลายครั้ง แต่รู้ว่าสุดท้ายเธอจะต้องตาย

CFO สาวไทย โดนหลอกตุ๋น 6,000 ล้านบาท

เคสการหลอกให้รักแล้วลวงเงินหลายคดีเกิดขึ้นในประเทศไทย ล่าสุดอาจเป็นคดีของคะน้า ริญญารัตน์ ดาราสาวที่ออกมาเปิดโปงไฮโซเก๊ แม้เธอจะสูญเสียเงินมูลค่าไม่สูงนัก แต่ก็มีการโดนหลอกให้แต่งงาน และเสียชื่อเสียงอีกหลายประการ แต่กรณี Romance scam มูลค่าความเสียหายมหาศาลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ เป็นกรณีของ CFO สาวบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ไม่ได้แม้แต่ใช้บริการแอปพลิเคชันหาคู่ แต่เธอลงข้อมูลส่วนตัวเพื่อสมัครงานใน LinkedIn จนกลายเป็นช่องทางให้นักต้มตุ๋นเข้ามาหลอกได้

คนร้ายมาในคราบของลูกครึ่งอเมริกัน-เอเชีย รับตำแหน่งแพทย์ทหารซึ่งประจำการอยู่ที่อัฟกานิสถาน ใช้ชื่อว่า นพ.แอนดรูว์ ชาง โดยอ้างว่าอยู่ในสถานการณ์รบแล้วเครียด อยากหาเพื่อนคุยด้วย จนท้ายที่สุดกลายมาเป็นความรักในช่วงเวลาเพียง 1 เดือน เขาอ้างว่ามีมรดกก้อนใหญ่ในต่างแดนที่เขาไม่สะดวกไปรับด้วยตัวเอง จึงไหว้วานเธอให้ทำเอกสารรับเงิน หวังว่าจะเกษียณอายุไปใช้ชีวิตในเมืองไทยกับเธอ 

ความผิดพลาดครั้งใหญ่คือเธอหลงเชื่อทั้งหมดจากหลักฐานเอกสารปลอมและบุคคลที่สาม เช่น ทนายความในอังกฤษ จึงทำให้เธอกล้าโอนเงินบริษัทไปให้บัญชีปลายทางสูงถึง 6,200 ล้านบาท ล่าสุด พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลางได้ชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราว่า นี่เป็นขบวนการของมิจฉาชีพจากประเทศไนจีเรีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนและได้สั่งอายัดทรัพย์สินอดีต CFO สาวและผู้ที่เกี่ยวข้องในเส้นทางทั้งหมด

Romance Scam กับการสร้างตัวตนใหม่ให้น่าเชื่อถือ

ไม่ว่าจะเป็นราชาแห่งเพชร เจ้าของบริษัทด้านการลงทุน หรือนายแพทย์ทหารประจำอัพกานิสถาน ล้วนเป็นเปลือกที่มิจฉาชีพทั้ง 3 กรณีสร้างขึ้นมา สะท้อนให้เห็นว่ากลยุทธ์สำคัญที่ทำให้พวกเขาหลอกตุ๋นจนเหยื่อจนสำเร็จ คือการสร้างตัวตนใหม่ ที่มาพร้อมกับสถานการณ์แวดล้อมให้สมจริง การหลอกให้เชื่อใจเช่นนี้ ไม่จำเป็นว่าต้องสร้างความรักโรแมนติกเท่านั้น แต่สามารถสร้างความเชื่อใจในฐานะเพื่อนสนิท และหลอกสูบเงินจากเพื่อนได้เช่นกัน

ในช่วงปีค.ศ. 2013-2017 วงสังคมไฮโซในมหานครนิวยอร์ก รู้จัก ‘แอนนา เดลวีย์’ ในฐานะทายาทมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน ด้วยความมั่นใจ บุคลิกที่โดดเด่น และการแต่งกายหรูหรา แอนนาสามารถเข้าตีสนิทกับบุคคลสำคัญในสังคม นักธุรกิจ และคนดัง เธอสามารถเข้าพักในโรงแรมหรูหนา รับประทานอาหารในร้านราคาแพง และเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว 

เธอมักอ้างว่าป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีชาวเยอรมันที่มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาลในต่างประเทศ แต่ไม่สามารถเข้าถึงเงินเหล่านั้นได้ในขณะนั้น เธอจึงติดเครดิตไว้กับโรงแรม ร้านอาหาร ธนาคาร และบอกให้เพื่อน ๆ ในวงสังคมไฮโซออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน รวมทั้ง ใช้เอกสารทางการเงินปลอมเพื่อพยายามขอเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ 

ในปี 2017 ราเชล เดอโลช วิลเลียมส์ อดีตเพื่อนสนิท ถูกแอนนาหลอกให้ไปเที่ยวโมร็อกโก ซึ่งเธออ้างว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย 62,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยให้ราเชลออกไปก่อน และเช่นเคย เธอไม่ได้คืนเงินเพื่อนหลังจบทริป ราเชลจึงแจ้งความกับตำรวจและร่วมมือหลอกล่อให้แอนนาโดนจับกุมตัวในที่สุด สุดท้ายเธอจึงโป๊ะแตกอย่างจัง เพราะชื่อจริง ๆ ของทายาทมหาเศรษฐีสาวแท้จริงแล้วคือ แอนนา โซโรคิน สาวชาวรัสเซียที่เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง 

เธอถูกตัดสินว่า มีความผิดในข้อหาลักทรัพย์ พยายามลักทรัพย์ และฉ้อโกง และถูกตัดสินจำคุก 4 ถึง 12 ปี และมีผู้เสียหายรวมตัวกันฟ้องร้องเธอ ท้ายที่สุดแล้ว เธอหลอกลวงเงินไปได้ประมาณ 275,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ในกรณีของแอนนาจะไม่เข้าข่าย Romance Scam เสียทีเดียว แต่ก็มีการสร้างโปรไลฟ์ใหม่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมคนรวย สร้างความผูกพันและความไว้ใจจนมูลค่าความเสียหายนับว่าไม่น้อยเลย

มิจฉาชีพในคราบนักรัก เติบโตทั่วโลก

Global Anti-Scam Alliance (GASA) สถาบันวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อต่อต้านการการหลอกลวง รายงานว่าผู้บริโภคทั่วโลกสูญเสียเงินประมาณ 1.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการหลอกลวงทุกประเภทในปี 2023 แต่การหลอกลวงด้าน Romance scam นับเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเลย ขณะที่เว็บไซต์ Moody’s สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของธุรกิจ รายงานว่า พบองค์กรและบุคคลใหม่ 1,193 รายทั่วโลกที่อาจมีความเชื่อมโยงกับการหลอกลวงโดยใช้ความรักในปี 2024 ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีและเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปี 2023

นอกจากสแกมเมอร์ในคราบนักรักจะเติบโตทางด้านจำนวนและรายได้ที่หลอกตุ๋นมาได้แล้ว ยังพบว่ามักใช้กลวิธีที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างโปรไฟล์และการสื่อสารปลอมที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สกุลเงินดิจิทัลและการโอนเงินผ่านธนาคารยังคงเป็นวิธีการยอดนิยมสำหรับนักต้มตุ๋น 

ส่วนประเทศที่พบว่ามีสแกมเมอร์อยู่มาก อันดับต้น ๆ คือสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงเป็นจุดศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ใหญ่ที่สุดมากถึง 38% ของสแกมเมอร์ทั้งหมดที่ตรวจพบ สำนักงานคณะกรรมการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ระบุว่าในปี 2023 การสูญเสียจากการหลอกลวงทางความรักเฉพาะในสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึง1.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ประเทศอื่น ๆ ที่รองลงมาได้แก่ ไนจีเรีย อินเดีย และสหราชอาณาจักร ขณะที่ออสเตรเลียพบว่า มีนิติบุคคลและบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับกลลวงโรแมนติกเพิ่มขึ้น 8% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตัวเลขการรายงานดังกล่าวอาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากหยื่อจำนวนมากรู้สึกละอายหรือเขินอายเกินกว่าจะรายงานอาชญากรรม ซึ่งหมายความว่าจำนวนคดีและความสูญเสียทางการเงินที่แท้จริงอาจสูงกว่าสถิติที่รายงานมาก