ในยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า การลงทุนในอุตสาหกรรมยางล้อจึงเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ล่าสุด คอนติเนนทอล กรุ๊ป ผู้ผลิตยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ประกาศทุ่มงบประมาณกว่า 13,000 ล้านบาท ขยายฐานการผลิตในประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง
การลงทุนครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของคอนติเนนทอลต่อศักยภาพของประเทศไทย ในฐานะฐานการผลิตยางรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลก แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจไทย และอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญของคอนติเนนทอล วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุน พร้อมทั้ง ฉายภาพ โอกาส และ ผลประโยชน์ ที่ประเทศไทยจะได้รับ จากการลงทุนครั้งใหญ่นี้
บีโอไอ ไฟเขียว! คอนติเนนทอล (continental) ผู้ผลิตยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่ อันดับ 4 ของโลกจากเยอรมนี เดินหน้าขยายการลงทุนครั้งใหญ่ที่โรงงานในจังหวัดระยอง ด้วยงบประมาณกว่า 13,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตยางเรเดียลสมรรถนะสูงอีกปีละ 3 ล้านเส้น รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในไทยและเอเชียแปซิฟิก สำหรับการลงทุนครั้งนี้ ตอกย้ำศักยภาพของไทยในฐานะฐานการผลิตยางรถยนต์อันดับ 2 ของโลก พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่ายางพาราในประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรไทย
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยว่า บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุน มูลค่ากว่า 13,411 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่และขยายโรงงานเดิม ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะอีกปีละ 3 ล้านเส้น รวมเป็น 7.8 ล้านเส้นต่อปี พร้อมกับสร้างงานเพิ่มอีกกว่า 600 ตำแหน่ง รวมเป็นพนักงานทั้งหมดกว่า 1,500 คน โดยจะใช้วัตถุดิบจากในประเทศ ทั้งยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ ปีละกว่า 1,700 ตัน
คอนติเนนทอลกรุ๊ป จากประเทศเยอรมนี ผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์อันดับ 4 ของโลก ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 150 ปี สร้างรายได้กว่า 14,000 ล้านยูโร หรือกว่า 5 แสนล้านบาทในปี 2566 ด้วยเครือข่ายโรงงานผลิตยางรถยนต์ 20 แห่ง กระจายอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย คอนติเนนทอลเข้ามาดำเนินธุรกิจยาวนานถึง 15 ปี และได้จัดตั้งโรงงานที่จังหวัดระยองเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในโรงงานต้นแบบด้านการประหยัดพลังงานของคอนติเนนทอล ด้วยการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย ระบบขนส่งวัตถุดิบและสินค้าแบบอัตโนมัติ รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์ขนาด 6.7 เมกะวัตต์ ซึ่งผลิตพลังงานสะอาด คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 13 ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในโรงงาน
คอนติเนนทอล ไทร์ส เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงตัดสินใจขยายการลงทุน โดยใช้โรงงานในจังหวัดระยองเป็นฐานการผลิตยางล้อ เพื่อป้อนให้กับผู้ผลิตรถยนต์และผู้บริโภค ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถบรรทุกขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ และยางรถยนต์เกรดพรีเมียม เช่น MaxContact MC7 รวมถึงยางสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีความต้องการยางที่ทนทานเป็นพิเศษ เพื่อรองรับพลังและอัตราเร่งที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป โดยราคายางรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไป 2 - 3 เท่า
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การขยายการลงทุนครั้งใหญ่ของคอนติเนนทอล สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตยางรถยนต์คุณภาพสูง ที่ใส่ใจทั้งความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ของโลก เช่น EUDR ที่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบยางพารามาจากสวนยางที่ไม่ทำลายป่า ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมในด้านนี้อยู่แล้ว
"การลงทุนของคอนติเนนทอล ไม่เพียงแต่จะเพิ่มมูลค่าให้กับยางพารา และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยอีกด้วย" นายนฤตม์ กล่าวเสริม
ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกยางรถยนต์อันดับ 2 ของโลก รองจากจีน โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2563 – 2567) มีนักลงทุนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนผลิตยางรถยนต์แล้วถึง 41 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 112,000 ล้านบาท ดึงดูดผู้ผลิตยางรถยนต์ระดับโลกเข้ามาลงทุนในไทยมากมาย อาทิ มิชลิน (ฝรั่งเศส), บริดจสโตน (ญี่ปุ่น), กู๊ดเยียร์ (สหรัฐอเมริกา), คอนติเนนทอล (เยอรมนี), ซูมิโตโม รับเบอร์ (ญี่ปุ่น), โยโกฮามา ไทร์ (ญี่ปุ่น), จงเช่อ รับเบอร์ (จีน), ปริงซ์ เฉิงซาน ไทร์ (จีน), หลิงหลง (จีน), เซนจูรี่ ไทร์ (จีน) และ แม็กซิส (ไต้หวัน)
การลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท ของคอนติเนนทอล กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยางล้อจากเยอรมนี เพื่อขยายฐานการผลิตในประเทศไทย ไม่ใช่แค่การตัดสินใจธรรมดา แต่เป็นกลยุทธ์ที่ผ่านการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน สะท้อนถึงปัจจัยสำคัญ ดังนี้
1.ศักยภาพทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
2.ความได้เปรียบด้านต้นทุนและปัจจัยสนับสนุนการลงทุน
3.พันธกิจด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม
4.รากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย
สรุป การตัดสินใจลงทุนของคอนติเนนทอลในประเทศไทยเป็นผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ครอบคลุมทั้งโอกาสทางการตลาด ความได้เปรียบด้านต้นทุน ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน และรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคง สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของคอนติเนนทอลในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยางล้อที่สำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดโลก
การตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ของคอนติเนนทอลในประเทศไทย นำมาประโยชน์มากมาย ไม่ใช่แค่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ลองมาวิเคราะห์เชิงลึกถึงข้อได้เปรียบที่ประเทศไทยจะได้รับกัน
1.กระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
2.พัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราและยกระดับห่วงโซ่อุปทาน
3.ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
4.ส่งเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ
5.ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โดยสรุป การลงทุนของคอนติเนนทอล นำมาซึ่งประโยชน์มากมายต่อประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน พัฒนาอุตสาหกรรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
การลงทุนครั้งมโหฬารของคอนติเนนทอลในประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ และโอกาสอันสดใสในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโต ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ ครอบคลุมตั้งแต่ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างงาน การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา การถ่ายทอดเทคโนโลยี ไปจนถึงการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการพัฒนาบุคลากร ยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยี และเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ด้วยศักยภาพ ความพร้อม และความมุ่งมั่น ประเทศไทยมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยางล้อแห่งอนาคตในระดับโลก การลงทุนของคอนติเนนทอลในครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือน "จุดเริ่มต้น" ของ "เส้นทางแห่งความสำเร็จ" ที่รอให้คนไทยร่วมกันสร้างสรรค์ต่อไป