เป็นเวลามากกว่า 20 ปี ที่มีความพยายามผลักดันให้ ‘สมรสเท่าเทียม’ เป็นกฎหมายบังคับใช้ในประเทศไทย จนกระทั่งวันที่ 24 กันยายน 2567 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลใช้บังคับในอีก 120 วันข้างหน้า
ใจความสำคัญเกี่ยวกับพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว คือการให้สิทธิบุคคลหลากหลายทางเพศ และหน้าที่ต่าง ๆ ในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย รวมถึงเปลี่ยนถ้อยคำที่บ่งชี้เพศให้เป็นบุคคล ได้แก่ ชาย หญิง สามี ภริยา และสามีภริยา เป็น บุคคล ผู้หมั้น ผู้รับหมั้น และคู่สมรส
นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนอายุขั้นต่ำที่สามารถทำการหมั้นและการสมรสได้ จาก 17 ปีบริบูรณ์ เป็น 18 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ การหมั้นและการสมรสขณะอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา
กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลใช้บังคับใช้วันที่ 23 มกราคม 2568 ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีกฏหมายสมรสเท่าเทียมชาติที่ 37 ของโลก ชาติที่ 3 ของเอเชีย และชาติแรกในอาเซียน โดยสิทธิและหน้าที่ที่มีผลบังคับใช้ทันทีมีดังต่อไปนี้
ภาคเอกชนหลายรายยังตอบรับกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยการให้สิทธิได้รับประโยชน์และสวัสดิการในฐานะคู่สมรส อาทิ ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนฌาปนกิจ สหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นต้น