ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน หารือทางวิดีโอคอลกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียเมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา หนึ่งวันหลังโดนัลด์ ทรัมป์สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีสียืนยันถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลรัสเซีย
โดยผู้นำจีนเน้นย้ำถึงเสถียรภาพและความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซีย พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะยกระดับความสัมพันธ์ให้สูงขึ้นในปีนี้ โดยระบุว่า เนื่องด้วยเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง เขาปรารถนาที่จะทำงานร่วมกับปธน.ปูติน เพื่อให้ทั้งสองชาตินำความสัมพันธ์จีน-รัสเซียไปสู่ความรุ่งเรืองที่สุดครั้งใหม่ในปี 2025
ส่วนปธน.ปูตินเปิดเผยว่า เขาเห็นด้วยกับมุมมองของผู้นำจีน โดยความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซียสร้างขึ้นบนพื้นฐานของมิตรภาพ ความไว้วางใจ การช่วยเหลือ ความเท่าเทียม และผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ รัสเซียและจีนจะร่วมกันสนับสนุนการสร้างระเบียบโลกหลายขั้วอำนาจที่ยุติธรรมยิ่งขึ้น และทำงานเพื่อความมั่นคงทั้งในยูเรเชียและทั่วโลก
ก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ ปูตินได้แสดงความยินดีที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลมอสโกพร้อมเปิดการเจรจากับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์และสงครามในยูเครน
แม้ว่าทรัมป์จะเคยให้คำมั่นว่า เขาจะยุติสงครามยูเครนภายในหนึ่งวันหลังรับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย และในช่วงบ่ายวันจันทร์ ขณะทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ทำเนียบขาวในวันแรกของการทำงาน เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปูตินกำลังทำลายรัสเซียด้วยการไม่ยอมเจรจา
ด้านนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ทั้งสองฝ่ายต้องยอมแลกบางสิ่งบางอย่างเพื่อยุติสงครามที่กำลังจะเข้าสู่ปีที่สี่ โดยเขากล่าวกับ NBC News ว่า สถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ในตอนนี้คือภาวะชะงักงันและความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับยูเครน
ขณะที่ระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ขู่มาตลอดที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ชี้ว่า จะเริ่มใช้กำแพงภาษี 25 เปอร์เซ็นต์กับเม็กซิโกและแคนาดาเร็วที่สุดคือวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนมาตรการต่อประเทศต่างๆ รวมถึงจีน ยังอยู่ระหว่างการวางแผนอยู่