CNN รายงานว่ารัฐบาลอิสราเอลได้ระงับการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั้งหมดไปยังฉนวนกาซาแล้ว จนกว่าฮามาสจะลงนามขยายเวลาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสออกไปอีก เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงระยะแรก สิ้นสุดไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 มี.ค. 68) โดยสำนักงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล แถลงว่าอิสราเอลสนับสนุนข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะขยายเวลาหยุดยิงชั่วคราวไปอีก 6 สัปดาห์ ในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมและเทศกาลปัสกาของชาวยิว
ด้านผู้นำกลุ่มฮามาสปฏิเสธแผนการต่อเวลาดังกล่าวโดยทันที ระบุว่า เนทันยาฮูและรัฐบาลของเขากำลังดำเนินการ "รัฐประหารอย่างโจ่งแจ้งต่อข้อตกลงหยุดยิง" ที่ได้ตกลงกันไปแล้ว พร้อมประณามว่าการปิดล้อมของอิสราเอลเป็นการแบล็กเมล์ราคาถูก
อิสราเอลเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเมื่อฮามาสปฏิเสธข้อเสนอนี้ โดยยกระดับการเผชิญหน้ากับฮามาส ระบุว่า “เนื่องจากกลุ่มฮามาสปฏิเสธที่จะยอมรับกรอบการทำงานของสตีฟ วิทคอฟ ผู้แทนสหรัฐฯ ในการดำเนินการเจรจาต่อไป นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูจึงตัดสินใจว่าตั้งแต่เช้านี้เป็นต้นไป จะต้องหยุดการนำสินค้าและเสบียงทั้งหมดเข้าสู่ฉนวนกาซา” นอกจากนี้ยังขู่ว่า “จะเกิดผลตามมาอีก” หากฮามาสยังคงดื้อดึง
อองตวน เรอนาร์ด จากโครงการอาหารโลก (WFP) ยืนยันกับบีบีซีว่าไม่มีรถบรรทุกความช่วยเหลือขนส่งอาหาร ยา และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพใด ๆ ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฉนวนกาซาตั้งแต่เมื่อเช้าวันอาทิตย์ (2 มี.ค. 68) แต่กาซาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อไป พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกันโดยเร็ว
ผู้นำชาติอาหรับรวมถึงองค์การสหประชาชาติได้ออกมาประณามรัฐบาลอิสราเอลที่พยายามปิดกั้นความช่วยเหลือทั้งหมดเข้าสู่พื้นที่ฉนวนกาซา กาตาร์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของอิสราเอลนับเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้านกระทรวงต่างประเทศของกาตาร์ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของอิสราเอล เนื่องจากเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
กระทรวงต่างประเทศอียิปต์ออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกัน โดยกล่าวว่าอิสราเอลใช้ความอดอยากเป็น "อาวุธต่อต้านชาวปาเลสไตน์" รวมถึงซาอุดิอาระเบียก็ออกแถลงการณ์ประณามร่วมด้วย ขณะที่นายทอม เฟล็ตเชอร์ หัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมของสหประชาชาติ อธิบายว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องน่าตกใจ
การหยุดยิงระยะแรกมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มกราคม และสิ้นสุดลงในเที่ยงคืนของวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทั่วโลกได้เห็นภาพการปล่อยตัวประกันในทุก ๆ สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือนอิสราเอล ทหารหญิงอิสราเอล ชาวต่างชาติที่ถูกจับตัวไป รวมถึงแรงงานไทยที่ได้กลับบ้าน และกับการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ครั้งละหลายร้อยคน แม้จะเกิดเหตุปะทะหวุดหวิดและความรุนแรงหลายรอบ เช่น การคืนร่างผู้เสียชีวิตที่อิสราเอลอ้างว่าไม่ตรงกับที่ระบุไว้ นำไปสู่การโจมตีวางระเบิดในกรุงเทลอาวีฟก็ตาม
การเจรจาในระยะที่สอง มุ่งเน้นที่จะนำไปสู่การหยุดยิงถาวร การปล่อยตัวตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด และการถอนกำลังอิสราเอลออกจากฉนวนกาซา มีกำหนดเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่กลับไม่เกิดขึ้นจริง รัฐบาลอิสราเอลเชื่อว่ายังเหลือตัวประกันยังมีชีวิตอยู่ 24 คน และอีก 39 คนคาดว่าเสียชีวิตแล้ว ข้อตกลง ส่วนข้อตกลงหยุดยิงระยะที่สามคือการส่งมอบร่างของตัวประกันที่เสียชีวิตทั้งหมดกลับคืนสู่ประเทศ และการฟื้นฟูพื้นที่กาซาที่ถูกทำลาย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลานานหลายปี
ทั้งนี้ ข้อตกลงหยุดยิงยุติการสู้รบระหว่างฮามาสและกองทัพอิสราเอลในระยะยาวที่เคยกำหนดไว้ จะกินเวลานาน 15 เดือน และคาดว่าจะสามารถปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอล 33 ราย ซึ่งประกอบด้วยนักโทษและผู้ถูกคุมขังชาวปาเลสไตน์ประมาณ 1,900 ราย แต่ดีลนี้อาจไม่ได้ไปต่อเมื่อท่าทีของทั้งสองฝ่ายกลับแข็งกร้าว ขณะที่สหรัฐฯ เองยังไม่ออกมาเคลื่อนไหวในสถานการณ์ดังกล่าว