Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก

17 ต.ค. 67
19:27 น.
|
2.8K
แชร์

ใครจะเชื่อว่าจากบริษัทผลิตแบตเตอรี่มือถือ วันนี้ BYD จะกลายเป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์ยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมเขย่าขวัญ Tesla และค่ายรถยักษ์ใหญ่ทั่วโลก! ด้วยกลยุทธ์ "รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด" บวกกับแรงหนุนจากแดนมังกร BYD กำลังรุกคืบสู่ตลาดโลกอย่างรวดเร็ว แม้แต่ประเทศเล็กๆ อย่าง "มอลตา" ก็ยังไม่รอดพ้นสายตา บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จ พร้อมวิเคราะห์โอกาสและความท้าทายของ BYD บนเส้นทางสู่การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก

BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน กำลังรุกตลาดยานยนต์โลกด้วยรถยนต์ EV ที่โดดเด่นด้วยราคาที่เข้าถึงได้ ในขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดกั้นการขยายตัวของแบรนด์นี้ แม้แต่ประเทศมอลตา ซึ่งเป็นหมู่เกาะขนาดเล็กในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีประชากรไม่ถึง 564,000 คน ก็ยังอยู่ในวิสัยทัศน์ของ BYD มอลตาเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว มีชื่อเสียงด้านหน้าผาหินปูน โบราณสถาน และกฎระเบียบที่ไม่เข้มงวด โดยในปีที่ผ่านมามียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่เพียง 7,200 คัน ซึ่งเทียบเท่ากับยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐอเมริกาเพียง 1 วัน อย่างไรก็ตาม ตลาดที่มีขนาดเล็กของมอลตาก็ไม่ได้อยู่ในข่ายที่ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีนจะมองข้าม

BYD รุกตลาดยุโรป ใช้ "มอลตา" เป็นฐานบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด

BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน กำลังเร่งขยายส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกด้วยรถยนต์ EV ราคาประหยัด ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกากำลังใช้มาตรการกีดกันทางการค้า เพื่อจำกัดการเติบโตของบริษัท โดยกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจคือการเลือกเจาะตลาดประเทศมอลตา ซึ่งเป็นหมู่เกาะขนาดเล็กในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีประชากรน้อยกว่า 564,000 คน มอลตาเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว ภูมิประเทศแบบหน้าผา โบราณสถาน และกฎระเบียบที่ผ่อนปรน ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในปีที่ผ่านมามีเพียง 7,200 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 17 ของยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐอเมริกาเพียงวันเดียว อย่างไรก็ตาม BYD มองว่า ตลาดขนาดเล็กเช่นนี้ก็มีศักยภาพ

ในฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา BYD ได้เปิดตัว Atto 3 รถยนต์ไฟฟ้าครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด ในประเทศมอลตา Atto 3 มีดีไซน์ภายนอกที่ไม่แตกต่างจาก SUV ขนาดเล็กทั่วไป แต่ภายในห้องโดยสาร BYD ได้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เบาะหนังวีแกนพร้อมระบบทำความร้อน และหน้าจอสัมผัสหมุนได้ 360 องศา แบตเตอรี่ขนาด 60 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มอบระยะทางวิ่งสูงสุด 260 ไมล์ เพียงพอต่อการขับขี่วนรอบเกาะหลักของมอลตาได้ถึงสองรอบ Atto 3 วางจำหน่ายในราคาประมาณ 28,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของยุโรป

เหตุผลสำคัญที่ BYD เลือกมอลตา ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกที่เล็กที่สุดของสหภาพยุโรป เป็นฐานในการรุกตลาด คือ BYD ให้ความสำคัญกับตลาดเกิดใหม่ และประเทศที่ไม่มีอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นของตนเอง Yu Zhang กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษา AutoForesight ในเซี่ยงไฮ้ ให้ทัศนะว่า "ตลาดเหล่านี้เปรียบเสมือน ‘เศษเนื้อติดกระดูก’ แม้แต่ละตลาดจะมีขนาดเล็ก แต่หากรวมกันแล้ว จะมีมูลค่ามหาศาล คิดเป็นยอดขายมากกว่า 10 ล้านคัน"

ปัจจุบัน BYD มียอดขายรถยนต์ในประเทศจีนสูงถึง 3 ล้านคันต่อปี เพิ่มขึ้น 15 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี และยังส่งออกรถยนต์ไปยัง 95 ประเทศทั่วโลก รวมถึง 20 ประเทศใหม่ในปีนี้ BYD กำลังขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีโรงงานประกอบรถยนต์ หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง ใน 10 ประเทศ 3 ทวีป การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ BYD ก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป จนนำไปสู่การออกมาตรการภาษี เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ Elon Musk เคยแสดงความกังวลว่า ผู้เล่นจากจีนอย่าง BYD อาจ "ทำลายล้าง" อุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ

BYD จากผู้ผลิตแบตเตอรี่สู่ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าโลก

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก

สำหรับเส้นทางสู่ความสำเร็จของ BYD บริษัทสัญชาติจีน ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด และกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลก โดย BYD ซึ่งย่อมาจาก "Build Your Dreams" (สร้างฝันของคุณ) ก่อตั้งโดย Wang Chuanfu นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่ ในช่วงทศวรรษ 1990s Wang มองเห็นโอกาสในการพัฒนาแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ เพื่อแข่งขันกับผู้ผูกขาดตลาดในขณะนั้นอย่างญี่ปุ่น BYD เริ่มต้นธุรกิจด้วยการผลิตแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไฟฟ้า ก่อนจะขยายสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2003

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ BYD ประสบความสำเร็จ คือ นวัตกรรมด้านแบตเตอรี่และกระบวนการผลิต ควบคู่กับนโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลจีน และความต้องการของตลาดภายในประเทศ ส่งผลให้ BYD บรรลุเป้าหมายในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าถึงได้ และสร้างผลกำไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ Tesla, Ford และผู้ผลิตรายอื่นยังไม่สามารถทำได้ หลังจากเปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ในปี 2020 BYD ก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 10 ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก แซงหน้า Volkswagen ในตลาดจีน และในช่วงปลายปี 2023 BYD ยังมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้า Tesla ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก

เส้นทางการเติบโตของ BYD มีความคล้ายคลึงกับ Toyota และ Hyundai ที่เริ่มต้นจากการผลิตรถยนต์ราคาประหยัด เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ ก่อนจะขยายตลาดสู่ต่างประเทศ BYD ใช้กลยุทธ์เดียวกัน โดยอาศัยนโยบายอุตสาหกรรม ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า และประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวในระดับสากลของ BYD ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสต่อต้านจีนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนถึงความหวาดกลัวอิทธิพลของญี่ปุ่นในอดีต ความกังวลในปัจจุบันคือ จีนอาจใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือในการแผ่ขยายอิทธิพล เช่นเดียวกับที่เคยใช้แผงโซลาร์เซลล์และเหล็กกล้า เพื่อสร้างความเหนือกว่าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

BYD มุ่งสู่แบรนด์ระดับโลก ท่ามกลางสงครามการค้าและความกังวลด้านความมั่นคง

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก

BYD พยายาในการก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ระดับโลก ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับชาติตะวันตก และประเด็นด้านความมั่นคงที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อกังวล แม้ผู้บริหารของ BYD จะยืนยันว่าบริษัทมุ่งเน้นที่การจำหน่ายรถยนต์และการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ BYD ก็มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดทางภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนรายแรกที่ประสบความสำเร็จในเวทีโลก โดยหวังว่าจะสามารถเอาชนะอุปสรรคทางการเมืองด้วยการนำเสนอยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,200 ไมล์ โดยไม่ต้องพึ่งพาการเติมน้ำมันหรือการชาร์จไฟ

Stella Li รองประธานบริหารของ BYD และบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก กล่าวว่า "เราต้องการให้ผู้บริโภครับรู้ BYD ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลก เช่นเดียวกับ iPhone ที่ผู้คนไม่ได้ให้ความสำคัญกับแหล่งกำเนิด แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน"

อย่างไรก็ตาม BYD ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็น 100% เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และในเดือนกันยายน รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้เสนอมาตรการห้ามจำหน่ายหรือนำเข้ารถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งใช้อุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์จากจีน อันเนื่องมาจากความกังวลด้านความมั่นคง โดยเกรงว่ารถยนต์เหล่านี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนม หรือโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่สหภาพยุโรปได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของ BYD เป็น 17% ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบการอุดหนุนของรัฐบาลจีนต่ออุตสาหกรรมยานยนต์

ทั้งนี้ ผลการศึกษาของสถาบัน Kiel Institute for the World Economy ของเยอรมนี ระบุว่า BYD ได้รับเงินอุดหนุนในระดับสูง และรัฐบาลจีนใช้งบประมาณสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์มากกว่าประเทศตะวันตก 3-9 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดโลก

BYD ยืนหยัดความสำเร็จ ปฏิเสธข้อกล่าวหา "รัฐบาลอุ้มชู"

จากบทความเดียวกันใน Bloomberg Businessweek ฉบับวันที่ 16 ตุลาคม Stella Li รองประธานบริหาร BYD ได้ให้สัมภาษณ์ เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ว่าความสำเร็จของ BYD เป็นผลมาจากการสนับสนุนของรัฐบาลจีน โดยยืนยันว่าข้อกล่าวหาเรื่องเงินอุดหนุนนั้น "ไม่มีมูลความจริง"

Li กล่าวว่า BYD สามารถเอาชนะคู่แข่ง และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่รัฐมีบทบาทนำ ซึ่งส่งเสริมการแข่งขัน และคัดกรองผู้ประกอบการที่อ่อนแอหรือไม่มีประสิทธิภาพ Li เน้นย้ำว่าความสำเร็จของ BYD เกิดจากความมุ่งมั่น ทุ่มเท และความสามารถในการแข่งขัน "คู่แข่งไม่สามารถเอาชนะเราได้ จึงพยายามยกปัจจัยภายนอก เช่น การสนับสนุนจากรัฐบาล มาอธิบายความสำเร็จของเรา แต่ BYD เลือกที่จะพิสูจน์ความสามารถ มากกว่าการโต้แย้งข้อกล่าวหา"

BYD ความสำเร็จที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก

ในขณะที่บุคลากรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและภาระหน้าที่การงาน (work-life balance) บุคลากรของ BYD กลับให้ความสำคัญกับสมดุลในการทำงาน (work balance) ถ้อยคำดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมองค์กรของ BYD ที่มุ่งเน้นความทุ่มเท และความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย

แม้ BYD จะยืนยันปฏิเสธ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัทได้รับประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมของรัฐบาลจีน แม้จะไม่สามารถประเมินตัวเลขที่แน่ชัดได้ Michael Dunne ที่ปรึกษา และอดีตผู้บริหาร General Motors ผู้มีประสบการณ์การทำงานในทวีปเอเชียมายาวนานกว่าสองทศวรรษ กล่าวว่า "แทบจะไม่ปรากฏบริษัทเอกชนรายใหญ่ในประเทศจีนที่ประสบความสำเร็จ หากปราศจากการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์"

BYD เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ที่ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการส่งออก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่เป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การขยายฐานการผลิตไปทั่วโลก เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้า และสร้างมูลค่าแบรนด์ให้เป็นที่ประจักษ์ในแต่ละตลาด Dunne กล่าวว่า "นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ปรากฏบริษัทใดที่สามารถขยายธุรกิจในระดับโลกได้อย่างรวดเร็วเท่า BYD พวกเขามองเห็นโอกาส และเร่งดำเนินการ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ ก่อนที่คู่แข่งจะพัฒนาศักยภาพจนสามารถเทียบเคียงได้"

BYD มังกรผงาดฟ้า ท้าทายอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก

จากการวิเคราะห์เชิงลึกของ Bloomberg Businessweek ฉบับวันที่ 16 ตุลาคม สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการอันโดดเด่นของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอ "ยานยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด" ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้งตลาดหลักในประเทศ ตลาดเกิดใหม่ และประเทศที่ไม่มีฐานการผลิตรถยนต์เป็นของตนเอง เช่น มอลตา

ความสำเร็จของ BYD มิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์จากการผสมผสานปัจจัยสำคัญหลายประการ ประกอบด้วย นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ความต้องการของตลาดภายในประเทศ ตลอดจนวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของคณะผู้บริหาร ที่มุ่งหวังสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

อย่างไรก็ตาม การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในเวทีโลก ย่อมมาพร้อมกับอุปสรรคและความท้าทาย BYD ยังคงต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง มาตรการกีดกันทางการค้า และข้อกังวลด้านความมั่นคง จากประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ซึ่งอาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งการขยายตัวของบริษัท

อนาคตของ BYD จึงขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว และการดำเนินกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในด้านต่างๆ ดังนี้

  • การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง: เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
  • การบริหารความเสี่ยง: การเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้า และข้อกำหนดด้านความมั่นคง ของแต่ละประเทศ เป็นสิ่งสำคัญ
  • การสร้างแบรนด์และความน่าเชื่อถือ: การสื่อสารภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขยายตลาดในระดับโลก

หาก BYD สามารถบริหารจัดการความท้าทาย และดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโลก และบรรลุเป้าหมายในการ "สร้างฝัน" ให้เป็นจริง ตามเจตนารมณ์ของชื่อบริษัท "Build Your Dreams"

ที่มา bloomberg

แชร์

BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด ที่กำลังก้าวขึ้นครองโลก