Meta เตรียมนำเทคโนโลยีการจดจำใบหน้ากลับมาสู่แอปของตนอีกครั้ง หลังจากที่ปิดระบบน Facebook ไปเมื่อกว่า 3 ปีก่อน ท่ามกลางกระแสต่อต้านเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างกว้างขวาง แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า จะถูกนำมาใช้งานบน Facebook และ Instagram เพื่อต่อสู้กับการหลอกลวง และช่วยเหลือผู้ใช้ที่สูญเสียการเข้าถึงบัญชีของตน
สำหรับการทดสอบครั้งแรกจะใช้ระบบจดจำใบหน้า เพื่อตรวจจับโฆษณาหลอกลวง ที่ใช้ใบหน้าของคนดังและบุคคลสาธารณะอื่นๆ หากระบบสงสัยว่า โฆษณาอาจเป็นการหลอกลวงที่มีรูปภาพของบุคคลสาธารณะที่เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของคนดัง แพลตฟอร์มจะพยายามใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า เพื่อเปรียบเทียบใบหน้าในโฆษณากับรูปโปรไฟล์ Facebook และ Instagram ของบุคคลสาธารณะ
โดยหากพบว่า รูปโปรไฟล์ตรงกัน และโฆษณานั้นเป็นการหลอกลวง แพลตฟอร์มจะบล็อกโฆษณานั้น
Meta เผยว่า ได้เริ่มเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าวให้กับกลุ่มคนดังและบุคคลสาธารณะกลุ่มเล็กๆ แล้ว และจะเริ่มเปิดฟีเจอร์นี้เพิ่มเติมโดยอัตโนมัติในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แม้ว่าบุคคลทั่วไปจะสามารถเลือกไม่รับการคุ้มครองได้ก็ตาม
แม้ว่า Meta จะมีระบบตรวจสอบโฆษณาเพื่อหาการหลอกลวงอยู่แล้ว แต่บริษัทก็ไม่สามารถจับโฆษณาที่ล่อใจคนดังได้เสมอไป เนื่องจากบริษัทที่ถูกกฎหมายหลายแห่ง ใช้คนดังและบุคคลสาธารณะในการทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของตน
แต่ฟีเจอร์การตรวจจับที่กลับมาเปิดให้บริการในครั้งนี้ เป็นกระบวนการแบบเรียลไทม์ และสามารถจดจำได้เร็วกว่า และแม่นยำกว่าการตรวจสอบด้วยตนเอง
นอกจากนั้น Meta ยังทดสอบเครื่องมือจดจำใบหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมานานอีกประการหนึ่งบน Facebook และ Instagram นั่นก็คือ การกู้คืนบัญชี โดยบริษัทกำลังทดลองใช้ตัวเลือกวิดีโอเซลฟี่ใหม่ ที่ให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดคลิปของตัวเอง
เครื่องมือนี้จะไม่สามารถช่วยเหลือผู้ที่สูญเสียสิทธิ์เข้าถึงบัญชี Facebook หรือ Instagram ได้ ตัวอย่างเช่น เพจธุรกิจจำนวนมากไม่มีรูปโปรไฟล์ของบุคคล ดังนั้น ผู้ใช้เหล่านั้นจึงจำเป็นต้องใช้ตัวเลือกการกู้คืนบัญชีที่มีอยู่ของ Meta
ไม่เพียงเทานี้ ฟีเจอร์ใหม่ทั้งสองของ Meta จะลบข้อมูลใบหน้าที่ใช้ในการเปรียบเทียบทันที และการสแกนจะไม่ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น โดยบริษัทยังทำให้ฟีเจอร์เหล่านี้เป็นทางเลือก แม้ว่าคนดังจะต้องเลือกไม่รับการป้องกันโฆษณาหลอกลวงแทนการเลือกก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานบางส่วนมีการวิจารณ์ถึงความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงประวัติที่ยุ่งเหยิงของ Meta กับการจดจำใบหน้า บริษัทเคยใช้เทคโนโลยีนี้ ในการแท็กภาพอัตโนมัติ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถจดจำใบหน้าของผู้ใช้ในภาพถ่ายและวิดีโอได้โดยอัตโนมัติ
ต่อมาฟีเจอร์นี้ถูกยกเลิกในปี 2021 Meta ลบข้อมูลใบหน้าของผู้คนมากกว่า 1,000 ล้านคน โดยอ้างถึงความกังวลของสังคมที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึง เผชิญกับคดีความเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่ง Meta แพ้คดีความ และต้องจ่ายเงิน 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 21,900 ล้านบาท เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของรัฐอิลลินอยส์ และ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 47,000 ล้านบาทในรัฐเท็กซัส
สิ่งที่น่าสังเกต ก็คือ เครื่องมือใหม่นี้ จะไม่พร้อมใช้งานในอิลลินอยส์หรือเท็กซัสในช่วงแรก และไม่เปิดตัวให้กับผู้ใช้งานในสหราชอาณาจักรหรือสหภาพยุโรป เนื่องจากบริษัทยังคงหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลในภูมิภาคนั้น แต่หวังที่จะขยายเทคโนโลยีนี้ไปทั่วโลกในช่วงปี 2025 ตามที่โฆษกของ Meta กล่าว
ที่มา: Engadget