ในยุคที่เศรษฐกิจโลกผันผวน และเต็มไปด้วยความท้าทาย การปรับตัว และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจ เช่นเดียวกับ SCGP หรือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การแข็งค่าของเงินบาท ภัยธรรมชาติ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม SCGP ยังคงสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขายสูงถึง 101,553 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึง ผลประกอบการ กลยุทธ์ และมุมมองของ SCGP ต่อแนวโน้มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ รวมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ESG เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
SCGP ประกาศผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 โดยสามารถสร้างรายได้จากการขายได้ถึง 101,553 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยสำคัญมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของตลาดที่ยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 3,756 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น SCGP จึงมุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการปรับพอร์ตสินค้า โดยเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค (Consumer Packaging) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
นอกจากนี้ SCGP ยังคงเดินหน้ารุกขยายโซลูชันบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ โดยยึดมั่นในกรอบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG และสำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกจากการผลิตสินค้าเพื่อสต๊อกในช่วงเทศกาล การฟื้นตัวของภาคการส่งออก และการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
เงินบาทแข็งค่า อุทกภัย เศรษฐกิจจีนชะลอตัว กระทบส่งออกและต้นทุน โดย คุณวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น เช่น บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ การส่งออกสินค้ายังคงขยายตัว โดยเฉพาะอาหารแปรรูปและสินค้าเกษตร ที่ส่งไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของเงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ในอาเซียน ภัยธรรมชาติอย่างอุทกภัยในประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการส่งออก และการจัดเตรียมสต๊อกสินค้า รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การส่งออกสินค้า และความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคลดลง ขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ก็มีแนวโน้มสูงขึ้น ตามราคากระดาษรีไซเคิลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่ง SCGP จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด
เพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน SCGP ได้ปรับกลยุทธ์เชิงรุก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ควบคู่ไปกับการนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย และรักษาความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ SCGP ยังปรับแผนการส่งออก โดยเบนเข็มการส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์จากอินโดนีเซียไปยังเวียดนาม เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ
ในด้านการบริหารจัดการต้นทุน SCGP ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในกระบวนการผลิต และขยายผลไปยังโรงงานต่างๆ ในอาเซียน รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก เพื่อลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ
จากความพยายามในการปรับตัว และผลักดันธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ SCGP สามารถสร้างรายได้จากการขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ได้ถึง 101,553 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการเติบโตของทุกสายธุรกิจ การขยายตัวของภาคการส่งออก และการฟื้นตัวของกลุ่มสินค้าคงทน
อย่างไรก็ตาม EBITDA อยู่ที่ 13,282 ล้านบาท ลดลง 1% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,756 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะเงินเฟ้อ
บรรจุภัณฑ์กระดาษ พลาสติก และเยื่อเคมีละลายได้ ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ แม้เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ SCGP ยังคงสร้างรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ได้ถึง 33,371 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากยอดขายบรรจุภัณฑ์กระดาษ บรรจุภัณฑ์พลาสติก และเยื่อเคมีละลายได้ (Dissolving Pulp) ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
สำหรับ EBITDA อยู่ที่ 3,496 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 578 ล้านบาท ลดลง 56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 60% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา การลดลงของกำไร เป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความผันผวนของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าส่งออก เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร และเยื่อเคมีละลายได้ (Dissolving Pulp) ทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง
เนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัว เทศกาล และมาตรการรัฐ คุณวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP แสดงความเชื่อมั่นว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น...
ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ SCGP จึงมุ่งมั่นขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และโซลูชันที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง ตัวอย่างความเคลื่อนไหวล่าสุด คือ การร่วมมือกับ Once Medical Company Limited พัฒนาโซลูชันเข็มฉีดยา และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูง เพื่อส่งเสริมศักยภาพการผลิตของ VEM Thailand และขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจ Healthcare ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ SCGP ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การปรับพอร์ตสินค้า การเพิ่มยอดขายสินค้ามูลค่าสูง การขยายตลาดส่งออก การเพิ่มการใช้ และขยายเครือข่ายจัดหากระดาษรีไซเคิล รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนพลังงานอย่างต่อเนื่อง
SCGP เดินหน้าลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ครอบคลุมสินค้ากว่า 160 รายการ โดยทาง SCGP ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยยึดมั่นในแนวคิด ESG และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก ซึ่งเห็นได้จากความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดห่วงโซ่คุณค่า
หนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญ คือ การเพิ่มรายการสินค้าที่ได้รับรอง Carbon Footprint of Products (CFP) ครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายกลุ่ม ได้แก่
ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ SCGP ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับสากล โดยล่าสุดได้รับการปรับอันดับ ESG ratings เป็น ‘A’ จาก MSCI ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก
นอกจากนี้ SCGP ยังได้รับรางวัล “องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก ระดับยอดเยี่ยม สาขาสินค้าอุตสาหกรรม ประจำปี 2567” หรือ Climate Action Leading Organization (CALO) - Excellence level จากเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย หรือ TCNN เป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านการลดก๊าซเรือนกระจก และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า ผลประกอบการและกลยุทธ์ของ SCGP พบว่าบริษัทฯ ยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดย SCGP ได้ปรับกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว อาทิ การมุ่งเน้นตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค การพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันบรรจุภัณฑ์ การบริหารจัดการต้นทุน และการขยายเครือข่ายธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นขององค์กร ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และความยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ แม้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 จะมีกำไรลดลง แต่ SCGP ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นต่างๆ ของภาครัฐ อย่างไรก็ดี SCGP ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การเปลี่ยนแปลงของนโยบาย และกฎระเบียบ รวมถึงการแข่งขันในตลาด ซึ่ง SCGP จำเป็นต้องปรับตัว และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์