ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์อย่างโตโยต้า กำลังเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่! ผลประกอบการล่าสุดเผยให้เห็นถึงสัญญาณอันตราย เมื่อผลผลิตรถยนต์ทั่วโลกร่วงลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ยอดขายทรุดตัวลง อะไรคือสาเหตุที่ทำให้โตโยต้าสะดุด? การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ดุเดือด ปัญหาถุงลมนิรภัย หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่?
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่าผลผลิตทั่วโลกลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากยอดขายและผลผลิตรถยนต์ที่หดตัวลงในตลาดสำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและจีน ข้อมูลจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายนี้ชี้ว่า ผลผลิตทั่วโลกในเดือนกันยายน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 826,556 คัน ขณะที่ผลผลิตในสหรัฐอเมริกาลดลง 14% และในจีนลดลง 19%
สาเหตุหลักของการลดลงของผลผลิตในสหรัฐอเมริกา เกิดจากการระงับการผลิตและการส่งมอบรถยนต์อเนกประสงค์รุ่น Grand Highlander และ Lexus TX อันเนื่องมาจากปัญหาด้านถุงลมนิรภัย อย่างไรก็ตาม โตโยต้าได้กลับมาดำเนินการผลิตตามปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน โตโยต้ายังคงเผชิญกับความท้าทายในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กจากแบรนด์ของจีน นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุว่ายอดขายทั่วโลกของโตโยต้าในเดือนกันยายน ลดลง 7% โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 853,149 คัน โดยยอดขายในสหรัฐอเมริกาลดลง 20% จีนลดลง 9% และในประเทศญี่ปุ่นลดลง 6% ส่งผลให้ยอดขายสะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 7.4 ล้านคัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ตัวเลขผลผลิตและยอดขายข้างต้นรวมถึงยอดขายของรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Lexus ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับหรูของโตโยต้าด้วย
แม้ว่าโตโยต้าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายในตลาดโลก แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อพลวัตของอุตสาหกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โตโยต้าได้เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้ารุ่น bZ4X ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม e-TNGA ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้ประกาศแผนการลงทุนจำนวน 4 ล้านล้านเยน เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2573 อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ผลิตรายใหม่ เช่น เทสลา และ นีโอ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดจีนและสหรัฐอเมริกา
อนาคตของโตโยต้าในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก จะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการปรับตัว การพัฒนาเทคโนโลยี และการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด ซึ่งถือเป็นความท้าทายและโอกาสสำคัญ สำหรับการสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ
ที่มา reuters