ลุ้นต่อไป! แพคเกจซื้อรถ EV อุดหนุนสูงสุด 150,000 บาท ฝั้ง MG พร้อมลุยทันที 2 รุ่น

ยังคงรอลุ้นกันอยู่ สำหรับคนที่อยากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% หรือรถ EV หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลบอกว่า กำลังเตรียมออกแพคเกจเพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งการลดภาษีนำเข้า ลดภาษีสรรพสามิต และ การให้เงินอุดหนุน ซึ่งแน่นอนวา จะทำให้ราคาของรถEV ถูกลง 

 

แหล่งข่าวในแวดวงยานยนต์ ประเมินว่า แพคเกจรถ EV จากรัฐบาล น่าจะเข้าครม.อย่างเร็วคือ กลางเดือน ก.พ.นี้ อย่างช้า คือ เดือน มี.ค.นี้

แนวทางส่งเสริมรถ EV เบื้องต้น

1.การลดภาษีนำเข้า ปัจจุบันเก็บสูงสุดที่ 80%  และ ลดภาษีสรรพสามิต จากปัจจุบันเก็บ 8%

• สำหรับรถยนต์  ที่ราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท (รถที่ผลิตและประกอบในประเทศ)

ให้สิทธิประโยชน์ลดอากรขาเข้าสูงสุด 40% ในปี 2565-2566

ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เป็น 2% ในปี 2565-2568

 

• ขณะที่รถยนต์ที่ราคาขายปลีกเกิน  2 ล้านบาท

ได้สิทธิประโยชน์ลดอากรขาเข้าสูงสุด 20% (ปี 2565-2566)

ลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เป็น 2% ในปี 2565-2568

 

2.เงินอุดหนุน สูงสุด 150,000 บาท

• สำหรับรถที่ใช้ขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เงินอุดหนุนในปี 2565-2568 คันละ 70,000 บาท
• สำหรับรถใช้แบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงขึ้นไป เงินอุดหนุน 150,000 บาท

ทั้งนี้ มีเงื่อนไขในปี 2567 ต้องผลิตเพื่อชดเชยรถที่นำเข้าในปี 2565-2566 โดยผลิตรถรุ่นใดก็ได้

 

ค่าย MG มั่นใจตลาดรถยนต์คึกคัก พร้อมลุยทันที 2รุ่น  

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เอ็มจี บอกว่า ปัจจุบันรถอีวีของ MG มึความพร้อมอยู่ 2 รุ่น คือ MGZSev ราคาปัจจุบัน อยู่ที่ 1,190,000 บาท และรุ่น MG EP ราคาอยู่ที่ 998,000 บาท ซึ่งจากกระแสข่าวที่รัฐจะออกแพคเกจส่งเสริมรถ EV ก็ทำให้ผู้บริโภคชะลอดูความชัดเจนจากภาครัฐก่อน เพราะจะมีผลต่อราคาจำหน่ายที่จะถูกลงเยอะพอสมควร

 

 

 

โดยมองว่า การมีมาตรการส่งเสริมรถ EV เป็นเรื่องที่ดี จะได้เห็นตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักได้มากขึ้น ซึ่งรถ EV ที่ได้เปรียบอยู่ในปัจจุบันเป็นรถจากแบรนด์จีน มีความพร้อมมากว่าทั้งในแง่ รุ่นรถ  และภาษีปัจจุบันเป็น 0% อยู่แล้ว ขณะที่รถ EV จากญี่ปุ่นจะได้ประโยชน์  เพราะหากครม.อนุมัติแพคดังกล่าว ภาษีจะเหลือ 0% เช่นกัน  ทั้งนี้เชื่อว่า ระยะแรกของมาตรการ รุ่นรถEV ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในไทยได้อาจจะมีไม่มากนัก เพราะต้องเป็นรถ EV พวงมาลัยขวา ซึ่งแต่ละค่ายรถมีอยู่ไม่มากนัก

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า  มาตรการที่รัฐออกมาจะจูงใจให้คนสนใจ ส่วนประเด็นความกังวลเรื่อง สถานีชาร์จ คุณพงษ์ศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า จากสถิติผู้ใช้รถEV 365 วันพบว่า 80% เป็นการชาร์จจากที่บ้าน และ 15% ชาร์จจากที่ทำงาน  ที่เหลืออีก 5%  ชาร์จจากสถานีชาร์ และปัจจุบัน ประเทศไทย ก็มีการลงทุนเรื่องที่ชาร์จจำนวนมาก ขณะที่ MG เอง ก็มีจุดชาร์จ EV ให้บริการที่โชว์รูมกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

 

คงต้องติดตามดูว่าแพคเกจส่งเสริมรถ EV จะออกมาเป็นอย่างไร เพราะการส่งเสริมในครั้งนี้ จะรวมไปถึง รถมอเตอร์ไซต์EV และ รถกระบะ EV ด้วย โครงการนี้จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และส่งผลต่อเศรษฐกิจ แตกต่างจาก โครงการรถยนต์คันแรกได้แค่ไหน ต้องติดตามกันต่อไป