เรื่องวุ่นๆของ Twitter สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังภายใต้การบริหารโดยมหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ คงยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะทันทีที่ปิดดีลชื้อ ทวิตเตอร์สำเร็จ มูลค่า 44,000 ดอลลาร์สหรัฐ อีลอน มัสก์ ก็ขยันเป็นข่าวแบบรายวัน ตั้งแต่ไล่ผู้บริหารเดิมออกยกชุด ไล่พนักงานออกหลายพันคนเพื่อปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ แถมผุดไอเดียหารายได้กระฉูดต้องเสียเงินเพื่อยืนยันตัวตนในบัญชีทวิตเตอร์อีกด้วย อนาคตของ เจ้านกสีฟ้าตัวนี้ จะยังคงมีบทบาทในสังคมโลกในแบบไหน จากนี้ไปคงจะได้เห็นกัน
แต่วันนี้ทีมงาน SPOTLIGHT จะขอย้อนไปดูเส้นทางในช่วงเกือบ 20 ปี ของ Twitter ก่อนจะอยู่ภายใต้ อีลอน มัสก์ นับเป็นหนึ่งในบริษัทที่โดดเด่นที่สุดที่จากSilicon Valley
2006
ในเดือนมีนาคม Twitter ก่อกำเนิดขึ้นโดย Jack Dorsey, Noah Glass, Biz Stone และ Evan Williams โดยทวีตแรกของ Dorsey ในทวิตเตอร์ คือ “just setting up my twttr.” หรือ“แค่ตั้งค่าทวิตเตอร์ของฉัน”
ปีต่อมาในเดือนกรกฎาคม Twitter ได้รับเงินทุนรอบ Series A มูลค่า 100,000 ดอลลาร์ นำโดย Union Square Ventures ขณะที่ปีนั้นแอปTwitter ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของเทคโนโลยีโดยเฉพาะในระหว่างการประชุมประจำปี South by Southwest
เริ่มมีปัญหาในการบริหารเกิดขึ้น ทำให้ Dorsey ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ในเดือนตุลาคม และถูกแทนที่โดย Williams ตามหนังสือ “Hatching Twitter”
ความนิยมของ Twitter ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Williams CEO ในขณะนั้น ปรากฏตัวผ่านสื่อจำนวนมาก เช่น รายการทอล์คโชว์ของ Oprah Winfrey ควบคู่ไปกับ Ashton Kutcher โดยมีกาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ Williams และ Stone ลงใน Time Magazine ด้วย เรื่องราวของ Twitter ก็ได้รับสนใจอย่างมาก
Twitter ดังไกลไปยันนอกโลก เมื่อนักบินอวกาศ Timothy Creamer ของ NASA ส่งทวีตแรกสดจากวงโคจรรอบนอก แต่ปัญหาภายในองค์กรของ ทวิตเตอร์ยังไม่นิ่ง วิลเลียมส์ก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ แทนที่โดยหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการชื่อว่า ดิ๊ก คอสโตโล (Dick Costolo)
2011
Twitter กลายเป็นเครื่องมือโซเชียลมีเดียที่สำคัญที่ใช้ในช่วงอาหรับสปริง ซึ่งมีการปลุกกระแสการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วอียิปต์ ลิเบีย และตูนิเซีย ผู้ประท้วงใช้เว็บไซต์เพื่อโพสต์รายงานและจัดระเบียบต่างๆ Pew Research Center ตั้งข้อสังเกตว่า บทบาทของ Twitter มี“การเผยแพร่ข่าวด่วน” ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงการลุกฮือของชาวอาหรับเท่านั้น – ตัวอย่างสำคัญ คือ กรณี การเสียชีวิตของ Whitney Houston กลับได้รับการประกาศบน Twitter ก่อน 55 นาที ที่ สำนักข่าว AP จะยืนยันเรื่องนี้เสียอีก
ผู้คนจำนวนมากกว่า 200 ล้านคนเข้าถึง Twitter / บารัค โอบามาใช้ “แพลตฟอร์มทวิตเตอร์เพื่อประกาศชัยชนะต่อสาธารณะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2555 เป็นครั้งแรก โดยมีผู้ดูทวีตประมาณ 25 ล้านครั้งบนแพลตฟอร์ม และเผยแพร่แบบออฟไลน์อย่างกว้างขวางในสื่อสิ่งพิมพ์และการออกอากาศ
2013
Twitter เสนอขายหุ้นสู่สาธารณะในเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 ทำให้ความมั่งคั่งรวมกันของ Williams, Dorsey และ Costolo มีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์
“ฉันคิดว่าเรามีความคิดและกลยุทธ์มากมายที่จะเพิ่มการเติบโต” Costolo กล่าวกับ CNBC ในขณะนั้น “ฉันจะกำลังพิจารณากลยุทธ์ที่มากกกว่าการให้บริการ จะทำสิ่งที่เรียกว่าเป็นสะพานเชื่อมความตระหนักรู้อย่างมากมายของ Twitter และการมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งของแพลตฟอร์ม”
2014
การเติบโตของจำนวนผู้ใช้ทวิตเตอร์ชะลอตัวลงทำให้ราคาหุ้นตก และยังโดนนักวิเคราะห์ลดน้ำหนักการลงทุนด้วย เรียกว่าเป็นปีที่ไม่มมีใครสนใจทวิตเตอร์มากนัก
สถานการณ์ทางธุรกิจของ ทวิตเตอร์ ยังคงไม่ทำกำไรต่อไป เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Google, Facebook และแม้แต่ LinkedIn ซึ่ง Twitter แทบสู้ไม่ได้ ทำให้ในปี 2015 Dorsey กลับมาเป็น CEO ของบริษัทอีกครั้ง
2016
ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วว่า Twitter กำลังมองหา การถูกซื้อกิจการ โดย Salesforce จะกลายเป็นคู่ครองที่มีศักยภาพ ในขณะเดียวกัน Twitter และ Facebook ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทของพวกเขาในการปล่อยให้ผู้ใช้ที่มีชื่อเสียง อย่าง Donald Trump ซึ่งจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนั้น เผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย
การมีผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม เป็นประธานาธิบดี ซึ่งใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางการสื่อสารโดยตรงทำให้ทุกคนมองเห็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาในขณะนั้น ดอร์ซีย์ บอกว่า เรากำลังเข้าสู่โลกใหม่ สามารถมองเห็นทุกสิ่ง และพูดถึงถึงมันได้แบบเรียลไทม์
2017
เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ที่ดูเหมือนราคาหุ้นของ Twitter จะปรับตัวสูงขึ้น สาเหตุเพราะสถานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้น / ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดียังคงใช้ Twitter เป็นโทรโข่งของเขาต่อไป ตามข้อมูลของ Twitter เอง “ทรัมป์เป็นผู้นำระดับโลกที่มีการทวีตมากที่สุดในโลกและในสหรัฐอเมริกา” CNBC รายงานในปีนั้น
ทวิตเตอร์ มีพลังทางสังคมมากขึ้น นักวิเคราะห์พบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ Twitter ของประธานาธิบดีทรัมป์ และ การใช้ทวิตเตอร์มีผลต่อการลงทุนในตลาดต่างๆ รวมถึงตลาดทองคำ ซึ่งเป็นตัวตอกย้ำพลังทางวัฒนธรรมของ Twitter / ส่วน Trump พบกับ Dorsey เพื่อหารือ ในการแสดงความเห็นในพื้นที่ สาธารณะ ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐในปี 2020
ในขณะที่ Covid-19 แพร่กระจายไปทั่วโลก การแพร่กระจายของข้อมูลที่ผิดก็ครอบงำการสนทนาออนไลน์ เช่นเดียวกับทวิเตอร์ ที่ยังคงดิ้นรนเพื่อขยายธุรกิจ / ปีนี้เป็นปีที่มีการแฮกบัญชีทวิตเตอร์บุคคลที่มีชื่อหลายคน ทั้ง Joe Biden, Jeff Bezos และ Musk
Twitter สั่งแบนบัญชีทรัมป์อย่างถาวร หลังจากความคิดเห็นอาจนำไปสู่ “การยั่วยุให้เกิดความรุนแรงต่อไป” ทรัมป์ กล่าวหาว่าทวิตเตอร์ว่า “ประสานงานกับพรรคเดโมแครต ในการลบบัญชีของเค้าออกจากแพลตฟอร์มเพื่อปิดปาก / Dorsey ก้าวลงจากตำแหน่ง CEOอีกครั้งและถูกแทนที่โดย Parag Agrawal หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของบริษัท
และนี่คือ ปัจจุบันที่ Elon Musk เข้าครอบครอง Twitter โดยซได้ตกลงในเดือนเมษายนที่จะจ่ายเงิน 44 พันล้านดอลลาร์สำหรับ Twitter นั่นเอง เรื่องราวของทวิเตอร์เกือบ 20 ปีจึงยังไม่จบลงเท่านี้ เมื่อมัสก์ไล่ Agrawal หัวหน้าฝ่ายการเงิน Ned Segal และหัวหน้าฝ่ายนโยบายกฎหมาย Vijaya Gadde ออกไปแล้ว
ส่วนสถานะ Twitter Inc. หลังถูกซื้อกิจการ กำลังอยู่ระหว่างยื่นเอกสารเพื่อถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์ และจะมีผลในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2022 หลังจากนั้น Twitter Inc. จะกลายเป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาด ภายใต้ X Holdings I ของ Elon Musk ตามแผนของเขาที่ต้องการผ่าตัดใหญ่ Twitter ร่วมกับผู้ร่วมลงทุนกับมัสก์อีกหลายคน แม้จะมีประวัติมายาวนานเกือบ 20 ปี แต่ดูเหมือนความท้าทายของ ทวิตเตอร์ภายใต้่ อีลอน มัสก์ กำลังจะเริ่มขึ้น !!!
อ้างอิงที่มา CNBC , The verge
ภาพจาก AFP