ธุรกิจการตลาด

Uber Eats หันใช้หุ่นยนต์ส่งของ เพราะอยากหมดปัญหากับไรเดอร์!

16 ธ.ค. 65
Uber Eats หันใช้หุ่นยนต์ส่งของ เพราะอยากหมดปัญหากับไรเดอร์!

ปัญหาหนึ่งที่บรรดาบริษัทขนส่งทั้งส่งอาหารและพัสดุต้องเจอ คือกรณีความไม่ลงตัวกับพาร์ทเนอร์คนขับหรือไรเดอร์ที่มักจะได้ยินข่าวกันอยู่เป็นประจำ ซึ่ง Uber Eats เองก็มีปัญหากรณีข้อกฏหมายกับเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาและเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจแห่งอนาคตไปในตัว Uber Eats จึงให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีการขนส่งอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุดคือการเปิดให้บริการหุ่นยนต์ส่งอาหาร และส่งพัสดุขนาดเล็ก ในไมอามี ฟลอริดา ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา  หุ่นยนต์ส่งของจาก Uber Eats เป็นความร่วมมือกับ บริษัท Cartken บริษัท AI ที่เคยพัฒนาหุ่นยนต์ใช้ส่งของภายในมหาวิทยาลัย แต่มารอบนี้หุ่นยนต์จะต้องส่งของในพื้นที่กว้างขึ้นอีก คือ  Dadeland ของ Miami-Dade County ซึ้ง Uber Eats มีแผนจะขยายไปทั่วเมืองและไปยังเมืองอื่นๆ ในปีหน้าอีกด้วย 

หุ่นยนต์ส่งของ Uber Eats

การทำงานของเจ้าหุ่นยนต์จาก Cartken มันคือหุ่นยนต์ไฟฟ้าแบบ 6 ล้อ ที่มีการติดตั้งเซ็นเซอร์และกล้องหลายตัว เพื่อทำการดักจับสิ่งกีดขวางต่างๆช่วยหลีกเลี่ยงการชน รวมทั้งระบบจะเลือกเส้นทางที่มีอันตรายน้อยที่สุด โดยมันสามารถทำงานได้ทั้งในอาคารและกลางแจ้ง แต่อย่างไรก็ตามหากลูกค้าที่สั่งอาหาร ไม่ต้องการให้หุ้นยนต์มาส่งอาหารให้ ก็สามารถเลือกการส่งได้ทางแอปพลิเคชั่นของเช่นกัน 

ลำตัวของเจ้าหุ่นยนต์ส่งของ มันสามารถบรรจุสินค้าได้เยอะพอสมควร เมื่อร้านค้านำของใส่ในลำตัวหุ่นยนต์แล้ว มันจะถูกสั่งการด้วยระบบควบคุมระยะไกล หุ่นยนต์ก็จะมุ่งหน้าไปสู่ปลายทางโดยเดินไปตามทางเท้า ซึ่งต้องบอกว่าความเร็วของมันนั้นช้ากว่ามนุษย์เดิน หรือ มอเตอร์ไซต์ไปส่งแน่นอน  โดยมันสามารถปีนขอบทางได้ แต่ขึ้นบันไดไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า หุ้นยนต์ส่งของก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะลูกค้าที่อาศัยอยู่ในอาคารสูง ที่หุ่นยนต์ขึ้นไปไม่ได้  เมื่อหุ่นยน์มาถึงที่หมายลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางแอปพลิเคชั่น บนโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นลูกค้าก็ปลดล็อคเจ้าหุ่นยนต์ด้วยโทรศัพท์แล้วจึงจะสามารถเปิดรับสินค้าได้ 

หุ่นยนต์ส่งของ Uber Eats

จะว่าไปเทคโนโลยีอัตโนมัติในการขนส่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ Uber เพราะในอดีตบริษัทก็เคยนำเสนอเรื่องนี้ต่อนักลงทุนมาแล้ว ว่าจะต้องร่วมมือกับพันธมิตรภายนอกเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีอัตโนมัติแห่งอนาคต นี่จึงอีกก้าวสำคัญที่เห็นความร่วมมือกับ Cartken  นอกจากนี้Uber ยังร่วมมือกับ Motional ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีไร้คนขับเพื่อให้บริการยานยนต์ไร้คนขับในลาสเวกัสอีกด้วย  

ประโยชน์ที่ Uber จะได้คือ อาจพยายามเปลี่ยนจากการพึ่งพาผู้รับเหมาอิสระจำนวนมากที่มารับผู้โดยสารและส่งอาหาร ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายกับบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่ Christian Bersch ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Cartken บอกว่า การใช้หุ่นยนต์ขนส่งสามารถช่วยชุมชนโดยการลดปัญหาการจราจรติดขัด และอนุญาตให้ผู้ค้าในท้องถิ่นเพิ่มความสามารถในการจัดส่งผ่านตัวเลือกการจัดส่งแบบปลอดมลพิษด้วย 

 

ที่มา CNN , The Verge 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT