เชนซูชิสายพานญี่ปุ่นหลายเจ้า รวมไปถึง ‘Sushiro’ เตรียมบุกตลาดต่างประเทศเต็มที่ในปีหน้าหลังค่าเงินเยนอ่อน เงินเฟ้อจนทำให้บริษัทนำเข้าวัตถุดิบได้แพงขึ้น ทำให้กำไรลด และตลาดต่างประเทศมีดีมานด์สำหรับอาหารญี่ปุ่นในระดับที่สูงหลังเปิดประเทศ
สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า Food & Life Companies ที่เป็นเจ้าของ Sushiro บริษัทซูชิสายพานอันดับ 1 ของญี่ปุ่นกำลังเตรียมเปิดสาขาใหม่ถึง 50-60 สาขานอกญี่ปุ่น ซึ่่งเป็นครั้งแรกที่ทางบริษัทตั้งเป้าขยายสาขาต่างประเทศในจำนวนมากกว่าเป้าในประเทศที่อยู่ที่เพียง 18-22 สาขา โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Sushiro มีสาขาในต่างประเทศถึง 100 สาขา หรือประมาณ 15% ของสาขาทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีบริษัทเจ้าของซูชิสายพานอีก 2 ราย คือ Kura Sushi และ Zensho Holdings ที่บริหารแบรนด์ Sukiya ที่มีสาขาในไทย และ Hama-Sushi ที่กำลังเตรียมจะบุกตลาดต่างประเทศเต็มตัวในปีนี้ด้วย
โดย Kura Sushi ซึ่งเป็นเชนซูชิสายพานที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของญี่ปุ่น กำลังจะเปิดสาขาแรกในประเทศจีนในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะเปิดสาขาในจีนให้ได้ 100 สาขาภายใน 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังจะขยายไปยังสหรัญอเมริกาประเทศอื่นๆ จากในตอนนี้ที่มีอยู่ 90 สาขา ให้เป็น 400 สาขาภายในปี 2030 ทำให้สัดส่วนสาขาต่างประเทศของ Kura Sushi เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 40% จากสาขาทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน Zensho Holdings ก็วางแผนจะเปิดสาขาอีกถึง 469 สาขาในต่างประเทศในปีนี้ เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่แพลนจะเปิดเพียง 124 สาขาในประเทศ
เชนอาหารญี่ปุ่นหนีไปนอก หลังเงินเฟ้อทำเศรษฐกิจซบเซา เงินอ่อนทำกำไรลด
จากเทรนด์การขยายธุรกิจดังกล่าว จะเห็นได้ว่าบริษัทอาหารของญี่ปุ่นกำลังหาทางบุกตลาดต่างประเทศกันอย่างแข็งขัน ทั้งนี้เป็นเพราะตลาดต่างประเทศมีโอกาสเติบโตมากกว่าหลังเปิดประเทศ โดยเฉพาะจีนที่เพิ่งเปิดประเทศอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมานี้ และมีวัฒนธรรมกินข้าวเหมือนคนญี่ปุ่น เพราะในญี่ปุ่นเศรษฐกิจกำลังซบเซาเพราะเงินเฟ้อ ค่าเงินเยนก็กำลังอ่อนลง ทำให้บริษัทอาหารที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมีต้นทุนมากขึ้นจากการนำเข้า และมีกำไรลดลง
โดยในปี 2022 Sushiro เองก็เพิ่งประกาศขึ้นราคาซูชิจาก 100 เยนเป็น 120 - 150 เยน หลังจากตรึงราคามาเป็นเวลานานถึง 40 ปี เพราะสู้เงินเฟ้อและราคาค่าวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว
โดยจากการรายงาน Nikkei Asia นอกจากบริษัทซูชิสายพานแล้ว บริษัทอาหารอื่นๆ ของญี่ปุ่น เช่น Chikaranomoto Holdings ซึ่งเป็นผู้บริหารแบรนด์ราเมน Ippudo ก็ออกมาเปิดเผยเช่นกันว่าในขณะนี้ทางบริษัทกำลังขยายสาขาต่างประเทศในอัตราที่เร็วกว่าในประเทศจากดีมานด์อาหารญี่ปุ่นที่กำลังเพิ่มขึ้นสูง โดยในปัจจุบัน Chikaranomoto Holdings มีสาขาต่างประเทศอยู่ทั้งหมด 137 สาขา ซึ่งเกือบจะมากเท่าจำนวนสาขาในญี่ปุ่นที่มี 142 สาขาแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทอาหารญี่ปุ่นยังมองว่าการทำธุรกิจในต่างประเทศทำให้ปรับขึ้นราคาจากเงินเฟ้อได้มากกว่า เพราะคนประเทศอื่นเคยชินกับการที่ราคาสินค้าสูงขึ้นจากเงินเฟ้อ ในขณะที่คนญี่ปุ่นจะมีท่าทีต่อต้านมากกว่าหากพบว่าราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
ที่มา: Nikkei Asia