เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (9 เมษายน 68) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ฝรั่งเศสว่า ฝรั่งเศสตั้งใจจะยอมรับปาเลสไตน์ในสถานะ “รัฐ” ในงานประชุมสหประชาชาติเกี่ยวกับความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่ฝรั่งเศสจัดร่วมกับซาอุดิอาราเบียในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
“เราต้องเดินหน้าเรื่องการยอมรับสถานะ และเราจะทำให้อีกไม่กี่เดือนนี้” มาครงกล่าว “ผมไม่ได้ทำเพื่อให้ใครพอใจ แต่ผมจะทำเพราะว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง”
ด้านรัฐมนตรีการต่างประเทศปาเลสไตน์ วาร์เซน อัคฮาเบเคียน ชาฮิน กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า การยอมรับสถานะจากฝรั่งเศสเป็นก้าวเดินบนทางที่ถูกต้อง ที่จะช่วยปกป้องสิทธิของชาวปาเลสไตน์และสร้างแนวทางสองรัฐ แต่แม้อาจได้รับการยอมรับในฐานะ “รัฐ” สถานการณ์ในฉนวนกาซาขณะนี้ก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
“ประตูความโหดร้ายเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว” คือสิ่งที่เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรสบรรยายถึงสถานการณ์ในกาซาว่า ขณะนี้กำลังขาดแคลนความช่วยเหลือ เพราะอิสราเอลกีดขวางทางเข้าของสินค้าทั้งหมด และเริ่มเปิดฉากสงครามปะทะกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา
“กาซากลายเป็นลานประหาร ประชาชนอาศัยอยู่ในวงจรความตายไร้จุดจบ” กูเตอร์เรสกล่าวต่อที่การประชุมระหว่าง 6 หน่วยงานสหประชาชาติ เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำโลกดำเนินการเร่งด่วนให้แน่ใจว่าอาหารและเสบียงไปถึงปาเลสไตน์ได้
กูเตอร์เรสชี้ว่า อิสราเอลในฐานะผู้ยึดครองดินแดน มีพันธกรณีผูกพันธ์ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ต้องเปิดทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอาหารและความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้ แต่ทางเข้าปัจจุบันกลายเป็นทางปิดตาย แบบนี้ยอมรับไม่ได้เลยในสายตากฎหมายและประวัติศาสตร์สากล
องค์กรของสหประชาชาติ 6 องค์กรออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เหล่าผู้นำโลกออกมาดำเนินการเร่งด่วน เพื่อให้แน่ใจว่า ประชาชนในทุกพื้นที่ของกาซาสามารถเข้าถึงเสบียงอาหารและความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนได้ 6 องค์กรประกอบด้วย
แถลงการณ์ระบุว่า การส่งสเบียงความช่วยเหลือในช่วง 60 วันที่หยุดยิงเมื่อช่วงต้นปี เข้าถึงผู้คนในกาซาได้มากกว่าตลอดระยะเวลาที่เกิดสงครามยาวนาน 470 วันก่อนหน้านั้น แต่ถึงแม้จะมีระยะเวลาการผ่อนปรนสั้นๆ ก็ยังไม่มีอาหารพอเลี้ยงคนทุกคนในกาซาอยู่ดี และที่อยู่อาศัยก็ยังมีน้อยมาก
อิสราเอลเริ่มการปิดล้อมกาซาอีกครั้งเมื่อวันที่ 2 มีนาคมหลังข้อตกลงหยุดยิงระยะแรกยุติไป เมื่อฮามาสปฏิเสธการขยายเวลาสงบศึก เพราะอิสราเอลผิดสัญญาที่ให้ไว้
อิสราเอลเริ่มปิดล้อมกาซาอีกครั้งเมื่อกลางเดือนมีนาคมปีนี้ และเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอาการเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ตามมาด้วยปฏิบัติการภาคพื้นดิน กระทรวงการสาธารณสุขปาเลสไตน์เปิดเผยว่า เวลาเกือบ 1 เดือนที่อิสราเอลเปิดฉากสงครามในกาซาอีกครั้ง มีประชากรชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากการโจมตีไปเกือบ 1,500 คน แม้ว่าอิสราเอลจะยืนยันว่าไม่ได้พุ่งเป้าการโจมตีไปที่พลเมือง
รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล กิเดโอน ซาร์ กล่าวถึงการยอมรับสถานะปาเลสไตน์ของฝรั่งเศสบน X ว่า “การ ‘ยอมรับข้างเดียว’ ให้มีรัฐปาเลสไตน์ปลอมๆ โดยประเทศใดก็ตาม ในความเป็นจริงจะเป็นการ ‘ส่งเสริมฮามาส’”
ส่วนในเรื่องข้อกล่าวหาจากสหประชาชาติ กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลยืนยันว่า ในกาซามีเสบียงอาหารเพียงพอ ไม่ได้มีการขาดแคลนความช่วยเหลืออย่างใด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล โอเรน มาร์มอร์สไตน์กล่าวว่า “เหมือนเช่นเคยเป็น ท่านไม่ปล่อยให้ข้อเท็จจริงมาขวางทางหรอกเมื่อจะเผยแพร่ข้อใส่ร้ายต่ออิสราเอล…ไม่มีการขาดแคลนความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนในฉนวนกาซา มีรถความช่วยเหลือกว่า 25,000 คันเดินทางเข้าฉนวนกาซาระหว่างช่วงหยุดยิง 42 วัน”
ระยะเวลาสองเดือนที่อิสราเอลและฮามาสมีข้อตกลงหยุดยิง นอกเหนือจากความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนจะสามารถเข้าไปถึงกาซาได้แล้ว ฮามาสได้ปล่อยตัวประกันให้อิสราเอล 33 คน (8 คนเสียชีวิต) แลกกับการปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์จากอิสราเอลจำนวน 1,900 คน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 เมษายน 68) กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์เผยว่า มีผู้เสียชีวิต 58 คนถูกฆ่าในพื้นที่ฉนวนกาซาภายใน 24 ชั่วโมงก่อนหน้า หน่วยงานป้องกันฝ่ายพลเรือนดำเนินการโดยฮามาสระบุว่า คืนก่อนหน้า อิสราเอลโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 คน ในจำนวนนั้น 5 คนเป็นเด็กที่มีบ้านอยู่ในพื้นที่ใจกลางฉนวนกาซา
อ้างอิง: Al Jazeera, BBC