ธุรกิจการตลาด

กว่าจะมาเป็น iPhone 15 แบบ Type-C ครั้งแรก iPhone ผ่านอะไรมาบ้าง 

13 ก.ย. 66
กว่าจะมาเป็น iPhone 15 แบบ Type-C ครั้งแรก iPhone ผ่านอะไรมาบ้าง 

 

iPhone 15 iPhone 15 Pro, Apple Watch series 9 และ Apple Watch Ultra คือ 4 กลุ่มสินค้าที่เปิดตัวในงาน Apple Event เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่ง Spotlight ได้เกาะติดและสรุปราคาเปิดตัวให้สาวก Apple ทุกคนแล้ว นั่นคือ

  • ราคา iPhone 15 เริ่มต้นที่ 32,900 บาท
  • ราคา iPhone 15 Plus เริ่มต้นที่ 37,900 บาท
  • ราคา iPhone 15 Pro เริ่มต้นที่ 41,900 บาท
  • ราคา iPhone 15 Pro Max เริ่มต้นที่ 48,900 บาท
  • ราคา Apple Watch Series 9 เริ่มต้นที่ 15,900 บาท
  • ราคา Apple Watch Ultra 2 เริ่มต้นที่ 31,900 บาท

สำหรับใครที่อยากเจาะลึกสเปกของ iPhone 15 และสินค้าอื่นๆ ที่เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อน สามารถตามไปชมได้ที่

iPhone 15 ราคาเท่าไหร่? Type-C ครั้งแรกของ Apple เปิดตัวพร้อม Watch

หนึ่งไฮไลต์ของ iPhone 15 ที่สาวก Apple ตั้งตารอก็คือ ‘พอร์ตชาร์จแบบ Type-C’ เหมือนชาวบ้าน จะได้ไม่ต้องพกสารพัดสายชาร์จให้วุ่นวาย นับเป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ Apple นำมาใส่ไว้ใน iPhone 15 ทุกรุ่น แต่การเดินทางตลอด 16 ปีของ iPhone นั้น มีฟีเจอร์สำคัญๆ มากมายที่ถูกบรรจุไว้ในโปรดักต์พระเอกของ Apple เครื่องนี้ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

กว่าจะมาเป็น iPhone 15 ช่องเสียบ USB-C ครั้งแรก

iPhone (1st Gen) : ปฏิวัติโลกเทคโนโลยี

‘iPhone’ คือสินค้าเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของคนทั้งโลก ปฏิวัตโลกเทคโนโลยีด้วยการทำให้แอปพลิเคชันมือถือเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรา ย้ายเวลาส่วนใหญ่ขจากที่เมื่อก่อนหลายกิจกรรมต้องทำในคอมพิวเตอร์ให้ ‘ปิดจ๊อบ รับจบ’ ในโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว และที่สำคัญ ขึ้นแท่นผลิตภัณฑ์กอบโกยเงินหลักของ Apple แทนที่คอมพิวเตอร์ Mac และทำให้ Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกที่ 2.80 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 100 ล้านล้านบาท

คำพูดของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple และหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในโลกเทคโนโลยี ในวันเปิดตัว iPhone เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ที่ว่า “วันนี้ Apple จะปฏิวัติวงการโทรศัพท์” ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลย

iPhone 4 : กล้องหน้าครั้งแรก

iPhone 4 เป็น iPhone รุ่นแรกที่มีกล้องหน้า ซึ่งจุดประสงค์ ณ ตอนนั้นคือเพื่อใช้ FaceTime คุยกับคู่สนทนา แต่ต่อมากลายเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้การถ่าย Selfie เป็นพฤติกรรมใหม่บนโลกโซเชียล ทำให้ทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่าย

iPhone 4 ไม่เพียงนำเสนอกล้องหน้าของ iPhone ให้กับโลกเท่านั้น แต่ยังนำเสนอดีไซน์สมาร์ทโฟนแบนราบ เรียบหรู ที่ส่งอิทธิพลต่อ iPhone รุ่นต่อๆ มาและสมาร์ทโฟนค่ายอื่นมาจนถึงปัจจุบัน

iPhone 5s : สแกนนิ้วด้วย Touch ID

ใน iPhone 5s นั้น Apple ได้ยกระดับความปลอดภัยของด้วยการนำเทคโนโลยีสแกนนิ้วมาไว้ที่ปุ่ม Home และเรียกชื่อใหม่ว่า Touch ID ที่ต่อมาได้ถูกส่งต่อไปยัง iPad, Macbook และ Magic Keyboard ซึ่งไม่ได้ใช้ในการปลดล็อคโทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังใช้ในการยืนยันตัวตนอื่นๆ ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้ แม้แต่คู่แข่งอย่าง Samsung ก็ยังไม่มีระบบสแกนนิ้วที่ไว้ใจในความปลอดภัยได้อย่าง Apple

iPhone 6 : เปิดตัวรุ่น Plus

iPhone 6 ถือเป็น iPhone ที่ "บางที่สุด" จวบจนปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังเป็นครั้งแรกที่ Apple เปิดตัว iPhone พร้อมกันสองรุ่น คือ iPhone 6 (จอ 4.7 นิ้ว) และ iPhone 6 Plus (จอ 5.5 นิ้ว) สำหรับคนชอบจอใหญ่ และพร้อมเต็มใจจ่ายเพิ่ม ซึ่งภายหลังจะกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ Apple จะออกรุ่นท้อปอแกมาล่อตาล่อใจให้สาวกยอมควักกระเป๋าจ่ายส่วนต่าง เพื่อรับที่สุดของประสบการณ์เหนือระดับมาครอบครอง

iPhone X : เอาปุ่ม Home ออก

ตอนที่ iPhone เปิดตัวรุ่นแรก และเอาสารพัดปุ่มกดของโทรศัพท์ออก เหลือปุ่มสำคัญคือปุ่ม Home ปุ่มเดียว ก็ทำให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวกันยกใหญ่ แต่ใน iPhone X นี้ Apple ตัดสินใจ "ไม่เหลือซักปุ่มไว้บนหน้าจอ" แถมยังเปลี่ยนดีไซน์กล้องหน้าเป็นแบบบาก อันเป็นการเพิ่มพื้นที่จอแสดงผลได้อย่างเต็มตา

แถมการเอาปุ่ม Touch ID ออกนี้ ยังเป็นการบังคับให้ Apple ต้องพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ กลายเป็น "Face ID" ซึ่งยกระดับความปลอดภัยด้วยการเปลี่ยนเป็นสแกนใบหน้า และยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย Qi ด้วย

iPhone 14 Pro : มี Dynamic Island

มาถึงครอบครัว iPhone 14 ที่ตอนนี้ "ตกรุ่น" อย่างเป็นทางการหลังการเปิดตัวน้องใหม่ iPhone 15 เมื่อคืน ในรุ่นนี้ iPhone รุ่น Pro เปลี่ยนบากกล้องหน้าเป็น "Dynamic Island ซึ่งนอกจากจะมีขนาดเล็กลงเล็กน้อย ขยับลงมา แต่เสริมไปด้วยลูกเล่นมากมาย คู่กับการแสดงผลที่จะเปลี่ยนไปตามแอปต่างๆ

และล่าสุด iPhone 15 มาพร้อมกับ USB-C ในทุกรุ่น

iPhone 15, 15 Plus, 15 Pro และ 15 Pro Max ที่เปิดตัวไปเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็น iPhone รุ่นแรกที่มาพร้อมกับช่องเสียบแบบ USB-C ตามที่หลายคนรอคอยมานาน (แต่ถ้าอยากใช้ความเร็วแบบเต็ม Max ต้องซื้อสายชาร์จ USB 3 ซึ่งไม่ได้ให้มาในกล่อง) หลังจากที่โดน EU กดดันมานานหลายปี การเปิดตัวในครั้งนี้จะทำให้สาวก Apple ไม่ต้องแบกสายชาร์จหลายสาย และสามารถยืมเพื่อน Android ได้แล้ว

นอกจากนี้ ในรุ่น Pro ยังเปลี่ยนปุ่ม เปิด-ปิดเสียง เป็นปุ่ม "Action" เหมือนใน Apple Watch Ultra ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้เป็นปุ่มทางลัดของฟีเจอร์ใด และในรุ่น Pro Max ยังมาพร้อมกับเลนส์ซูม 5x ครั้งแรก ที่ใช้เลนส์แบบ Periscope

Apple ประกาศเปิดจอง iPhone 15 และ iPhone 15 Pro ล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 19:00 น. ของวันศุกร์ที่ 15 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 22 กันยายนนี้ ส่วนสาวก Apple ชาวไทยสามารถจองและซื้อได้วันเดียวกันเลย 

ที่มา : Apple, XDA Developer

advertisement

SPOTLIGHT