หุ้น YG Entertainment หนึ่งในบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ดิ่งเกือบ 9% ไปอยู่ที่ 73,500 วอน (ราว 1,981 บาท) ต่อหุ้น ในการซื้อขายช่วงเช้า หลังมีสื่อเกาหลีออกมารายงานว่า ‘ลิซ่า’ สมาชิกชาวไทยวง Blackpink ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ YG ถึงแม้จะได้ข้อเสนอถึง 5 หมื่นล้านวอน หรือ 1,348 ล้านบาท
ข่าวการต่อสัญญาของสมาชิกวง Blackpink เป็นที่จับตามองมาซักพักแล้วว่าจะเป็นอย่างไร เพราะในปีนี้วง Blackpink เพิ่งจะฉลองครบรอบการเดบิวต์เป็นปีที่ 7 ไปในเดือนสิงหาคม ซึ่งเท่ากับว่าสมาชิกทุกคนจะหมดสัญญากับค่ายในปีนี้ และถ้ามีสมาชิกคนใดคนหนึ่งไม่ยอมต่อสัญญาก็ย่อมส่งผลต่ออนาคตของวง
ในปัจจุบัน YG ยังไม่สามารถให้ความแน่นอนได้ว่าจะมีสมาชิกคนใดต่อสัญญากับทางค่ายบ้าง แต่บอกเพียงว่าทางค่ายน่าจะออกมาให้คำตอบได้ในเดือนกันยายน และข้อมูลเท่าที่มีในตอนนี้ก็เป็นเพียงการเล่าข่าวของสื่อ และการคาดเดาของแฟนคลับ แต่เพียงข่าวลือการแยกวงของ Blackpink ก็สะเทือนสถานะการเงินของค่ายแล้ว เพราะ Blackpink เป็นวงที่ทำรายได้และชื่อเสียงให้กับค่ายมากที่สุดในขณะนี้
เมื่อดูจากความโด่งดัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าในตอนนี้ Blackpink เป็นวงที่มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของ YG มากที่สุด เพราะเป็นวงที่ไม่ว่าออกผลงาน หรือไปหยิบจับอะไรก็โด่งดังไปหมด และเพิ่งขึ้นแท่นเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ทำรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จนทำให้หากแยกวง YG ก็จะเสียแหล่งรายได้ที่สำคัญของค่ายไป
วง Blackpink ออกผลงานเดบิวต์ครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปี 2016 หรือ 7 ปีก่อน และประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ จีซู โรเซ่ ลิซ่า และเจนนี่ ซึ่งเมื่อออกผลงานเพลงแรกออกมาก็เป็นที่พูดถึงทันทีทั้งด้วยภาพลักษณ์และเพลงสไตล์ฮิปฮอป/ป็อบติดหู
ปัจจุบัน สมาชิกทั้ง 4 ของวงมีชื่อเสียงและอิทธิพลมากในวงการแฟชั่น เพราะแต่ละคนต่างได้รับเลือกให้เป็น brand ambassador หรือเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์หรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Chanel, Dior, Yves Saint Laurent และ Celine ซึ่งล้วนได้รับประโยชน์จากฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นของ Blackpink หรือ Blink ที่เมื่อเห็นสมาชิกคนโปรดไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าอะไรก็มักจะตามไปอุดหนุนเสมอ
อย่างไรก็ตาม นอกจากชื่อเสียงในวงการแฟชั่นแล้ว ทางด้านความสามารถการแสดง Blackpink ก็ได้รับการยอมรับไม่แพ้กัน ดูได้จากยอดขายบัตรคอนเสิร์ตเวิร์ลทัวร์ครั้งล่าสุดหรือ “Born Pink” World Tour ที่สร้างประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อยด้วยรายได้ถึง 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,868 ล้านบาท จาก 48 รอบการแสดง และผู้ชมถึง 1,258,048 คน
รายได้นี้ทำให้ Blackpink กลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกที่ทำรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตได้เกิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำรายได้ได้มากที่สุดในโลก ซึ่งหลังจากแสดงการแสดงรอบสุดท้ายในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ที่กรุงโซล ตัวเลขนี้ก็น่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
เมื่อดูจากสถิติเหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมการมีอยู่ของ Blackpink จึงมีความสำคัญมากต่อบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานะของค่ายกำลังง่อนแง่นจากชื่อเสียงที่ไม่ดีนักของทั้ง ‘ซึงรี’ อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ในสังกัดที่เข้าไปพัวพันกับทั้งคดียาเสพติดและการล่วงละเมิดทางเพศ และยางฮยอนซอก อดีต CEO ของ YG ที่ถูกกล่าวหาว่าค้าประเวณีและเล่นการพนัน
อย่างไรก้ตาม จนกว่าจะมีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากค่าย ในช่วงนี้ ทั้ง Blink และนักลงทุนของ YG ก็คงต้องมานั่งลุ้นกันก่อนว่าขุมเงินขุมทองของค่ายจะยังอยู่กับ YG หรือไม่ หรือถ้าแยกไปยังจะทำงานร่วมกันอยู่หรือเปล่า เพราะถึงแม้จะมีบางสมาชิกไม่ต่อสัญญากับค่าย Blackpink ก็อาจทำกิจกรรมร่วมกันได้อยู่