โตโยต้ายักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ประกาศร่วมลงทุนกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งที่สองในจังหวัดคุมะโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญ และมี Denso และ Sony ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์เข้าร่วมลงทุนด้วย เป็นผู้ถือหุ้นด้วย
โตโยต้ากำลังกระโดดเข้าสู่สงครามชิป! ร่วมลงทุนกับบริษัทลูกของ TSMC ตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งที่ 2 ในญี่ปุ่น
Nikkeiasia รายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ จะลงทุนในบริษัทในเครือของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ในญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งที่สองในจังหวัดคุมะโมโตะของญี่ปุ่น โดยทั้งสองบริษัทได้มีการประกาศร่วมกันเมื่อวันอังคารที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา
โดย Nikkei TSMC ยังคงถือหุ้น 86.5% ในบริษัทย่อย ขณะที่ Sony ถือหุ้น 6.0% Denso ถือหุ้น 5.5% และ Toyota ถือหุ้น 2.0% ตามลำดับ
TSMC เผยว่า มีโรงงานแห่งแรก ที่เมืองคุมาโมโตะ เมื่อเดือนเมษายน 2565 มีแผนที่จะเริ่มดำเนินการผลิตในปีนี้ ส่วนโรงงานแห่งที่ 2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปี 2570 ซึ่งการลงทุนโดยรวมใน JASM มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น แต่ไม่มีเปิดเผยมูลค่าของการระดมทุนรอบล่าสุดนี้
ญี่ปุ่นมีเป้าหมายสำคัญคือญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำในด้านการผลิตชิป แต่สูญเสียตำแหน่งนั้นไปเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา(สำหรับขีดความสามารถในการผลิตชิปของบริษัทในญี่ปุ่นในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 40 นาโนเมตร) รัฐบาลญี่ปุ่นจึงมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมนี้ โครงการโรงงานคุมะโมโตะเป็นหัวใจสำคัญ โดยโรงงานแรกมีกำหนดเริ่มสร้างในเมืองคุมาโมโตะในเดือนเมษายน 2022 มีกำหนดเริ่มเปิดดำเนินการในปีนี้ ส่วนโรงงานที่สองจะตามมาในปี 2027 โรงงานเหล่านี้จะผลิตชิปขนาดเล็ก (ขนาด 6 นาโนเมตร)และทรงพลังมากขึ้น ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ
ทำไมโตโยต้าจึงรวมลงทุน
เนื่องจากรถยนต์สมัยใหม่พึ่งพาชิปจำนวนมาก และการขาดแคลนชิปทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตของโตโยต้า การลงทุนในโรงงานแห่งนี้จะช่วยให้โตโยต้าควบคุมห่วงโซ่อุปทานและเข้าถึงชิปที่จำเป็นได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ โตโยต้ายังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีชิปของตัวเองร่วมกับ TSMC อีกด้วย
ดังนั้นการลงทุนครั้งนี้ของโตโยต้าเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าบริษัทต่างๆ กำลังตระหนักถึงความสำคัญของชิปมากขึ้น การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้จะทวีความรุนแรงขึ้น และญี่ปุ่นอาจกลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง ข่าวนี้ยังเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากอาจช่วยลดปัญหาการขาดแคลนชิปและเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ใหม่ๆและยังเป็นก้าวสำคัญสำหรับทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของวงการรถยนต์