ธุรกิจการตลาด

หอการค้าทั่วประเทศ คัดค้านนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

8 พ.ค. 67
หอการค้าทั่วประเทศ คัดค้านนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

76 หอการค้า 54 สมาคมการค้า ร่วมแสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ชี้ จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และเสนอแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

หอการค้าทั่วประเทศ คัดค้านนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ

หอการค้าทั่วประเทศ คัดค้านนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

หอการค้าทั่วประเทศและสมาคมการค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น 76 แห่ง 54 สมาคม ร่วมแสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ โดยมี นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนแถลงการณ์ดังต่อไปนี้

หอการค้าฯ มีความกังวลอย่างยิ่งต่อนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยนโยบายดังกล่าวขัดต่อหลักการและกลไกที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งควรพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละพื้นที่ ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ เช่น ดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และความสามารถของประเภทธุรกิจ ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบคอบ

การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจไทย ดังนี้

หอการค้าทั่วประเทศ คัดค้านนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

ขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วไทยส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องยอมรับว่าแต่ละจังหวัด และแต่ละประเภทธุรกิจ มีความพร้อมของสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน ซึ่งการปรับอัตราค่าจ้างที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น  ต้นทุนการขนส่ง ต้นทุนการบริการ และต้นทุนการจ้างงานทั้งระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะภาคเกษตร  ภาคการค้าและบริการ ภาคท่องเที่ยว และผู้ประกอบการ SMEs เนื่องจากผู้ประกอบการจะไม่สามารถปรับตัวได้ทัน

ดังนั้นการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำโดยไม่คำนึงตามที่กฎหมายกำหนดจะส่งผลให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการ หยุดกิจการ ลดขนาดกิจการ หรือปรับธุรกิจออกนอกระบบภาษี จนนำไปสู่การปลดลูกจ้างและเลิกจ้างพนักงานเพื่อลดต้นทุนให้อยู่รอด ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

อีกทั้ง การปรับอัตราค่าจ้างที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง ยังเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจถึงต้นทุนของการทำธุรกิจและนโยบายภาครัฐ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ยังมีปัญหาจากปัจจัยหลายประการที่มีความผันผวน อาทิ ค่าเงินบาท ราคาพลังงาน มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ และสงครามการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันและความน่าสนใจในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างชัดเจน

หอการค้าฯ เสนอแนวทางแก้ไข ดังนี้

  1. เห็นด้วยกับการมุ่งมั่นตั้งใจยกระดับรายได้เพื่อแรงงานไทยในประเทศไทยให้มีชีวิตดีขึ้น แต่การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีควรปรับตามที่กฎหมายบัญญัติกำหนดไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
  2. ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงผลการศึกษาและการรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) อีกทั้ง ปัจจุบัน รัฐบาลได้ขึ้นค่าแรงปี 2567 ไปแล้ว 2 ครั้ง จึงไม่ควรมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีเป็นครั้งที่ 3
  3. อัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเพียงอัตราค่าจ้างของแรงงานแรกเข้าที่ยังไม่มีฝีมือ แต่การปรับอัตราจ้างควรพิจารณาจากทักษะฝีมือแรงงาน ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งส่งเสริมมาตรการทางภาษี ลดอุปสรรคต่อการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการและแรงงาน ให้ความสำคัญกับการ UP-Skill & Re-Skill และ New Skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity)
  4. การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ ควรให้มีการรับฟังความคิดเห็น และศึกษาถึงความพร้อมของแต่ละพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ รวมทั้งควรให้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจก่อนปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะพื้นที่จังหวัดและประเภทธุรกิจ

ท้ายที่สุดนี้ หากรัฐบาลยืนยันที่จะให้มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงกระบวนการและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาตัวเลขการปรับที่เหมาะสมสอดคล้องกับแนวทางที่ได้รับการยอมรับมา

โดยตลอดจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ว่ามีความยุติธรรมกับผู้ที่มีส่วนได้เสีย ซึ่งนำไปสู่การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแบบยั่งยืน ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใหม่ตามมาในอนาคต ดังที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ผ่านกลไกการทำงานร่วมกันของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดและคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ จำเป็นที่จะต้องรักษาสิทธิในการดำรงไว้ของหลักนิติธรรม (The Rule of Law) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกภาคเอกชนที่มีส่วนได้เสียในการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวต่อไป

รายชื่อหอการค้าทั่วประเทศ และสมาคมการค้าฯ 52 สมาคม คัดค้านนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ

หอการค้าทั่วประเทศ คัดค้านนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

หอการค้าจังหวัด ได้แก่

  • 1)หอการค้าภาคเหนือ 17 จังหวัด
  • 2)หอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด
  • 3)หอการค้าภาคกลาง 17 จังหวัด
  • 4)หอการค้าภาคตะวันออก 8 จังหวัด
  • 5)หอการค้าภาคใต้ 14 จังหวัด

สมาคมการค้าฯ ได้แก่

  • 1) สมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย
  • 2) สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย
  • 3) สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย
  • 4) สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย
  • 5) สมาคมยางพาราไทย
  • 6) สมาคมน้ำยางข้นไทย
  • 7) สมาคมธุรกิจไม้
  • 8) สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไทย
  • 9) สมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์
    เด็กไทย
  • 10) สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย
    ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • 11) สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร
  • 12) สมาคมการค้้านวัตกรรมการพิมพ์ไทย
  • 13) สมาคมโรงแรมไทย
  • 14) สมาคมผู้ค้าปลีกไทย
  • 15) สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย
  • 16) สมาคมหินอ่อนและแกรนิตไทย
  • 17) สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
  • 18) สมาคมอาคารชุดไทย
  • 19) สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย
  • 20) สมาคมการค้าผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการ
    น้ำมันพลังไทย
  • 21) สมาคมผู้ผลิตสีไทย
  • 22) สมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย
  • 23) สมาคมการค้าเครื่องกีฬา
  • 24) สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไท
  • 25) สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • 26) สมาคมตลาดสดไทย
  • 27) สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป
  • 28) สมาคมกุ้งไทย
  • 29) สมาคมอุตสาหกรรมนมและอาหาร
  • 30) สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
  • 31) สมาคมการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
    อาเซียน
  • 32) สมาคมภัตตาคารไทย
  • 33) สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย
  • 34) สมาคมเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน
  • 35) สมาคมบรรจุภัณฑ์ไทย
  • 36) สภาองค์การนายจ้างธุรกิจไทย
  • 37) สมาคมรักษาความปลอดภัยภาคฟื้นเอเชีย
    (APSA)
  • 38) สมาคมสภารักษาความปลอดภัย
  • 39) สมาคมผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัย
    แห่งประเทศไทย
  • 40) สมาคมผู้บริหารงานรักษาความปลอดภัย
    แห่งประเทศไทย
  • 41) สมาคมสหพันธ์ธุรกิจรักษาความปลอดภัย
  • 42) สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพรักษาความ
    ปลอดภัยภาคเหนือ
  • 43) สมาคมผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัย
    ภาคเหนือ
  • 44) สมาคมผู้บริหารงานรักษาความปลอดภัย
    ภาคตะวันออก
  • 45) สมาคมผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัย
    (ภาคอีสาน)
  • 46) สมาคมอารักขาบุคคลสำคัญ
  • 47) สมาคมบริหารงานรักษาความปลอดภัยไทย
  • 48) สมาคมการค้าธุรกิจคุ้มกันภัย
  • 49) สหพันธ์นายจ้างวิชาชีพรักษาความปลอดภัย
  • 50) ชมรมครูฝึกรักษาความปลอดภัยไทย
  • 51) ชมรมผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัย
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • 52) ชมรมบริษัทรักษาความปลอดภัยพันธมิตร
    (ภาคใต้)
  • 53) ชมรมพันธมิตรธุรกิจรักษาความปลอดภัย
  • 54) กลุ่มพัฒนาวิชาชีพรักษาความปลอดภัย

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT