ถอดรหัสความสำเร็จ เรเว่ ออโตโมทีฟ กับปรากฎการณ์กำไรทะยานฟ้า โต 4,071%

เรเว่ ออโตโมทีฟ ไม่ใช่แค่ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ BYD ในประเทศไทย แต่พวกเขากำลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยยอดขายที่พุ่งทะยานและผลกำไรที่เติบโตอย่างน่าทึ่งในปี 2566 นี่คือเรื่องราวความสำเร็จที่น่าจับตามองของบริษัทที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไปสู่ยุคของพลังงานสะอาดและยั่งยืน

ถอดรหัสความสำเร็จ เรเว่ ออโตโมทีฟ กับปรากฎการณ์กำไรทะยานฟ้า โต 4,071%

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้การนำของ คุณประธานวงศ์ และ คุณประธานพร พรประภา ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 และในเดือนกันยายน 2565  BYD ได้เซ็นสัญญาซื้อที่ดินจาก WHA เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ BYD บนพื้นที่กว่า 600 ไร่

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2566 จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในประเทศไทย และขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการก่อสร้าง ณ นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ จ.ระยอง โดยโรงงานแห่งนี้จะเริ่มกำลังการผลิตโดยมีกำหนดการตามแผนจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งมีกำลังผลิตรถยนต์ BYD ต่อปีสูง ถึง 150,000 คัน ผลที่ได้รับทำให้เงินการจ้างงานและเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศไทยอย่างสูง

เรเว่ ออโตโมทีฟ สร้างปรากฏการณ์ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย

เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วยยอดขาย BYD ATTO 3 กว่า 15,000 คัน และล่าสุดกับ BYD Dolphin ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้น จนขึ้นแท่นผู้นำยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในครึ่งปีแรกของปี 2566

โดยในปี 2566 นับเป็นปีทองของ เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ BYD ในประเทศไทย ด้วยตัวเลขกำไรสุทธิที่พุ่งสูงถึง 5,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4,071% จากปีก่อนหน้า ผลประกอบการที่น่าทึ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากปัจจัยหลายประการที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

8 เหตุผลที่ เรเว่ ออโตโมทีฟ สร้างปรากฏการณ์กำไรทะยานฟ้า

1. รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาแรง: กระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกส่งผลดีต่อ BYD ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี EV ในประเทศจีน และ เรเว่ ออโตโมทีฟ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายในไทยก็ได้รับอานิสงส์นี้ไปเต็มๆ ความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมและราคาน้ำมันที่ผันผวนเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
2. นโยบายภาครัฐ: รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทั้งการลดภาษีสรรพสามิต การให้เงินอุดหนุน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้บริโภค
3. กลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคม : เรเว่ ออโตโมทีฟ ไม่เพียงนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูง แต่ยังมีกลยุทธ์การตลาดที่โดดเด่น ทั้งการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง การสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทำให้ BYD เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจในตลาด
4. การขยายเครือข่าย : เรเว่ ออโตโมทีฟ ทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลในการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทย
5. โมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน : เรเว่ ออโตโมทีฟ ไม่ได้มองเพียงแค่การขายรถยนต์ แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การลงทุนในสถานีชาร์จ การพัฒนาบริการหลังการขาย และการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าให้กับประชาชน
6. ทีมงานมืออาชีพ : ความสำเร็จของ เรเว่ ออโตโมทีฟ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากทีมงานที่มีความรู้ความสามารถและทุ่มเทในการทำงาน ทุกคนในองค์กรมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้า BYD ประสบความสำเร็จในประเทศไทย
7. ความเชื่อมั่นในแบรนด์ BYD : BYD เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลกที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและคุณภาพที่เชื่อถือได้ ทำให้ เรเว่ ออโตโมทีฟ มั่นใจที่จะลงทุนและสร้างความเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย
8. 8. ปัจจัยภายนอก : สถานการณ์โลกที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความต้องการรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ก็เป็นปัจจัยภายนอกที่เอื้อต่อความสำเร็จของ เรเว่ ออโตโมทีฟ เช่นกัน 

ด้วยปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ เรเว่ ออโตโมทีฟ สามารถสร้างผลกำไรที่โดดเด่นในปี 2566 และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง 

นอกจากนี้ เรเว่ ออโตโมทีฟ ไม่เพียงมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) คุณภาพสูงสู่ตลาดไทยเท่านั้น แต่ยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มุ่งสู่การสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและมองหาทางเลือกที่ประหยัดพลังงาน