ภาคการผลิตจีนชะลอตัวหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2023 สะท้อนแรงกดดันจากภาษีทรัมป์ จุดชนวนเรียกร้องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
กิจกรรมการผลิตของจีนชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนเมษายน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตอย่างเป็นทางการลดลงมาอยู่ที่ 49.0 จากระดับ 50.5 ในเดือนมีนาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวกับการหดตัว ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ขณะที่ดัชนีภาคที่ไม่ใช่การผลิต ซึ่งครอบคลุมภาคบริการและการก่อสร้าง ก็ชะลอลงเช่นกัน
ตัวเลขนี้สะท้อนผลกระทบเบื้องต้นจากการที่สหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้าจีนอย่างกว้างขวางสูงถึง 145% โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่สำคัญต่อภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในภาคการผลิตซึ่งเป็นกลไกหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปีที่ผ่านมาเริ่มสั่นคลอน
โรบิน ซิงห์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนแห่ง Morgan Stanley กล่าวว่า "ผลออกมาน่าผิดหวังกว่าที่คาดไว้ และชี้ว่าภาษีตอบโต้ของทรัมป์กำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อจีน" โดยเขาคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอย่างมากในไตรมาสนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจากทางการ
ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าว ค่าเงินหยวนในตลาดต่างประเทศอ่อนค่าลง 0.1% มาอยู่ที่ประมาณ 7.27 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีหุ้น CSI 300 แทบไม่ขยับ แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน
คำสั่งซื้อส่งออกใหม่ในเดือนเมษายนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2022 และเป็นการปรับตัวลงแรงที่สุดนับตั้งแต่การล็อกดาวน์ครั้งใหญ่ในเซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2022 โดยการขนส่งสินค้าทางเรือจากจีนไปยังสหรัฐฯ บางเส้นทางถูกประเมินว่าลดลงมากถึง 60% สะท้อนอุปสงค์จากต่างประเทศที่ถดถอยอย่างเห็นได้ชัด
ดัชนีย่อยด้านการจ้างงานก็อ่อนแรง โดยสะท้อนว่าการจ้างงานในภาคการผลิตหดตัวเร็วที่สุดในรอบกว่า 12 เดือน ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลจีนในการรักษาเสถียรภาพในตลาดแรงงานและบริโภคภายในประเทศ
เพื่อลดผลกระทบ รัฐบาลปักกิ่งได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น การส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับผู้ส่งออก และการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ แต่ยังไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่เพิ่มเติม โดยทางการยังคงเดินหน้าตามแผนกระตุ้นที่ประกาศไว้เมื่อเดือนมีนาคม
แม้เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 5.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ Bloomberg Economics เตือนว่าแรงกดดันจากภายนอกที่เริ่มชัดเจนทำให้ “การดำเนินมาตรการกระตุ้นที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” เป็นสิ่งจำเป็น หากต้องการบรรลุเป้าหมาย GDP ที่ 5% ภายในปี 2025
เจ้าเผิง ซิง นักกลยุทธ์อาวุโสจาก ANZ คาดว่าปักกิ่งจะเริ่มออกมาตรการเฉพาะจุดเพิ่มเติมในช่วงสองเดือนข้างหน้าเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษี แต่จะยังไม่ใช้มาตรการขนาดใหญ่ เนื่องจากต้องการเก็บพื้นที่นโยบายไว้รับมือกับสถานการณ์ความขัดแย้งที่อาจยืดเยื้อ
ในระดับการทูต จีนยังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าว โดยหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ เตือนชาติอื่นไม่ให้ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากภาษีของสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า “การประนีประนอมจะยิ่งทำให้พวกที่ชอบรังแกคนอื่นได้ใจ”
ด้านจ้าว ชิงเหอ นักสถิติอาวุโสจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ให้ความเห็นว่าการลดลงของ PMI ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานตัวเลขเดือนก่อนที่สูง และแรงกระแทกจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายนอกที่ฉับพลัน
ทั้งนี้ ดัชนี Caixin PMI ซึ่งเน้นสะท้อนภาพกิจกรรมของภาคเอกชนขนาดเล็กและผู้ประกอบการที่พึ่งพาการส่งออก ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.4 ในเดือนเมษายน สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 49.7 บ่งชี้ว่ายังมีแรงขับเคลื่อนอยู่ในบางภาคส่วน แม้ความเชื่อมั่นโดยรวมจะอ่อนแอลง