จากรายงานของ Teikoku Databank ตลาดอนิเมะญี่ปุ่นกำลังเฟื่องฟู ด้วยมูลค่าตลาดที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของอนิเมะที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม เพราะในยุคที่โลกเชื่อมต่อกัน อนิเมะได้กลายเป็นสื่อบันเทิงที่ทรงพลัง ก้าวข้ามพรมแดน และเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลกเข้าด้วยกัน ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของอนิเมะ ไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาล แต่ยังส่งเสริมภาพลักษณ์ เผยแพร่วัฒนธรรม และสร้างแรงบันดาลใจ บทความนี้จะพาคุณไป วิเคราะห์ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ความท้าทาย และโอกาสในการเติบโต พร้อมเจาประเด็นที่น่าสนใจ
ตลาดอนิเมะญี่ปุ่นบูม! กว่า 7.64 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 22.9%
รายงานจาก Teikoku Databank สถาบันวิจัยข้อมูลทางธุรกิจชั้นนำของญี่ปุ่น ระบุว่า ตลาดการผลิตผลงานอนิเมะของญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 339,000 ล้านเยน หรือประมาณ 2.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7.64 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี ค.ศ. 2000 โดยเพิ่มขึ้น 22.9% จากปี ค.ศ. 2022
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตครั้งนี้ มาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนซีรีส์อนิเมะที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ ควบคู่ไปกับความต้องการคอนเทนต์ที่สูงขึ้นจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวิดีโอออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้มีคำสั่งผลิตผลงานอนิเมะจำนวนมาก นอกจากนี้ ความสำเร็จของภาพยนตร์อนิเมะหลายเรื่อง ยังช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดโดยรวมอีกด้วย
Teikoku Databank คาดการณ์ว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมอนิเมะในปี ค.ศ. 2024 จะยังคงมีเสถียรภาพ โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 340,000 ล้านเยน หรือ 2.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อนิเมะมาแรง! ดันรายได้สตูดิโอผู้ถือลิขสิทธิ์พุ่งกระฉูด
ในปี พ.ศ. 2566 ผลงานอนิเมะที่ได้รับความนิยมอย่าง "Frieren: Beyond Journey's End" และ "Oshi no Ko" ซึ่งดัดแปลงจากมังงะชื่อดัง ได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่นในการสร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสตูดิโอผู้ถือลิขสิทธิ์ตัวละคร ซึ่งสามารถต่อยอดความสำเร็จของอนิเมะไปสู่การจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้อง สร้างรายได้จากลิขสิทธิ์ตัวละครในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จดังกล่าว กลับเผยให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในอุตสาหกรรม โดยสตูดิโอที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวละคร มักมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงกว่า และมีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจมากกว่าสตูดิโอที่ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
นายไดสุเกะ อิจิมา นักวิเคราะห์จาก Teikoku Databank ผู้รับผิดชอบการสำรวจ กล่าวว่า "ภาพยนตร์อนิเมะที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เป็นแหล่งรายได้สำคัญของสตูดิโอ ทั้งจากรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ และรายได้จากช่องทางอื่นๆ เช่น การจำหน่ายสินค้า การจัดกิจกรรม เป็นต้น โดยทั่วไป สตูดิโออนิเมะมักเริ่มต้นจากการผลิตผลงานอนิเมะสำหรับออกอากาศทางโทรทัศน์ ก่อนจะต่อยอดไปสู่การผลิตภาพยนตร์อนิเมะจอใหญ่"
สถิติจากรัฐบาลญี่ปุ่น ระบุว่า อุตสาหกรรมคอนเทนต์ของญี่ปุ่น มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 4.7 ล้านล้านเยนต่อปี เทียบเท่ากับมูลค่าการส่งออกชิปและเหล็ก โดยอนิเมะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของอนิเมะ ในฐานะสินค้าส่งออกเชิงวัฒนธรรม ที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ
บทวิเคราะห์สถานภาพและแนวโน้มอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่น
จากข้อมูลของ Teikoku Databank ที่เผยให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่น สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ "ซอฟต์พาวเวอร์" ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมญี่ปุ่น อนิเมะไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อบันเทิง แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมญี่ปุ่นสู่สายตาชาวโลก สร้างอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และการท่องเที่ยว
ความสำเร็จของอนิเมะ เป็นผลมาจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งนักเขียน นักวาด สตูดิโอ ผู้ให้ทุน และแพลตฟอร์มเผยแพร่ การสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการลิขสิทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจ สร้างรายได้มหาศาล และกระจายรายได้สู่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงจรธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญของอุตสาหกรรมอนิเมะ คือการรักษาสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางธุรกิจ และการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่า การแข่งขันที่รุนแรง อาจทำให้บางสตูดิโอ มุ่งเน้นการผลิตผลงานเชิงพาณิชย์มากเกินไป จนละเลยคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งในระยะยาว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่น
อนาคตของอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่น ยังคงสดใส ด้วยฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้เกิดรูปแบบการนำเสนอ และช่องทางการเข้าถึงที่หลากหลาย การผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิม เข้ากับเทรนด์สมัยใหม่ การสร้างเนื้อหาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เช่น AI และ Metaverse จะเป็นกุญแจสำคัญ ที่นำพาอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่น ก้าวสู่ยุคทองแห่งความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ที่มา nikkeiasia