ธุรกิจการตลาด

รถยนต์ไฟฟ้า BYD ราคาถูก! จนญี่ปุ่นตะลึงว่า ขายราคาถูกขนาดนี้ได้อย่างไร

24 ต.ค. 67
รถยนต์ไฟฟ้า BYD ราคาถูก! จนญี่ปุ่นตะลึงว่า ขายราคาถูกขนาดนี้ได้อย่างไร

อุตสาหกรรมยานยนต์โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่  โดยมีพลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต่างเร่งปรับตัว  ทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อแสวงหาความได้เปรียบในการแข่งขัน  ท่ามกลางกระแสความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ในบริบทของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานไฟฟ้า  BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ได้สร้างปรากฏการณ์อันโดดเด่น ด้วยความสามารถในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูง  ในราคาที่เข้าถึงได้  ความสำเร็จของ BYD  มิเพียงแต่สะท้อนถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน  แต่ยังก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น  ซึ่งเป็นฐานการผลิตยานยนต์รายใหญ่ของโลก

รถยนต์ไฟฟ้า BYD ราคาถูก! จนญี่ปุ่นตะลึงว่า ขายราคาถูกขนาดนี้ได้อย่างไร

รถยนต์ไฟฟ้า BYD ราคาถูก! จนญี่ปุ่นตะลึงว่า ขายราคาถูกขนาดนี้ได้อย่างไร

อุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาถึงกลยุทธ์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน โดยเฉพาะ BYD  ซึ่งสามารถผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้  หลังจากการ "ถอดประกอบ" รถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้า BYD Atto 3 ในงานสัมมนา EV ณ ประเทศญี่ปุ่น ผู้เข้าร่วมงานต่างแสดงความประหลาดใจและตั้งคำถามว่า "สามารถผลิตในราคาที่ต่ำเช่นนี้ได้อย่างไร"

BYD Atto 3 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ BYD ที่เปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (4.4 ล้านเยน) ต่อมา  BYD ได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ได้รับความนิยมสูงอีกสองรุ่นสู่ตลาดญี่ปุ่น ได้แก่ Dolphin และ Seal ซึ่งมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 24,500 ดอลลาร์สหรัฐ (3.63 ล้านเยน) และ 33,000 ดอลลาร์สหรัฐ (5.28 ล้านเยน) ตามลำดับ

BYD Seal ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Tesla Model 3 ได้เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และภายในเดือนสิงหาคม ก็สามารถขึ้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าที่มียอดจำหน่ายสูงสุด  สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นให้ญี่ปุ่นเริ่มศึกษาถึงกระบวนการผลิตของ BYD และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ จากประเทศจีน ที่สามารถผลิตยานยนต์คุณภาพสูงในราคาที่สามารถแข่งขันได้

สำนักเศรษฐกิจและการค้าแห่งญี่ปุ่นกลางได้จัดการสัมมนาขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (อ้างอิงข้อมูลจาก Nikkei) เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) โดยมีบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมงานประมาณ 70 แห่ง  พร้อมจัดแสดงชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศมากกว่า 90,000 ชิ้น จากรถยนต์ไฟฟ้า 16 รุ่น เพื่อศึกษาเทคโนโลยีและกลยุทธ์การลดต้นทุนการผลิต

การชำแหละรถยนต์ไฟฟ้า BYD Atto 3 สร้างความตื่นตะลึงให้กับญี่ปุ่น

รถยนต์ไฟฟ้า BYD ราคาถูก! จนญี่ปุ่นตะลึงว่า ขายราคาถูกขนาดนี้ได้อย่างไร

แม้ว่าในงานสัมมนาจะมีการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น  อาทิ  Atto 3, NIO ET5 และ Tesla Model Y  แต่ BYD Atto 3 กลับได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการวิเคราะห์โครงสร้างรถยนต์  ซึ่งก่อให้เกิดคำถามที่น่าสนใจว่า  "BYD สามารถผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้เช่นนี้ได้อย่างไร"

BYD Atto 3  เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ของ BYD  มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (140,000 หยวน) ในประเทศจีน  ขณะที่ BYD Seagull ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้น  มีราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (69,800 หยวน) ในตลาดจีน  ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ BYD สามารถกำหนดราคาจำหน่ายที่แข่งขันได้เช่นนี้  คือกลยุทธ์การผลิตชิ้นส่วนหลักภายในองค์กร  ซึ่งช่วยลดต้นทุนการจัดซื้อจัดจ้างจากภายนอกได้อย่างมีนัยสำคัญ

BYD เริ่มต้นธุรกิจในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่  ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ BYD มีข้อได้เปรียบในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า  ข้อมูลจาก CnEVPost ชี้ให้เห็นว่า  ปัจจุบัน BYD เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับสองของโลก  โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2567  BYD มีส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกอยู่ที่ 16.4%  เป็นรองเพียง CATL จากประเทศจีนซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 37.1%

โดยทั่วไป  ต้นทุนของแบตเตอรี่อาจสูงถึงหนึ่งในสามของต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม  BYD ยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ด้วยการดำเนินกลยุทธ์การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เกือบทั้งหมดภายในองค์กร  ซึ่งส่งผลให้ BYD สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตและกำหนดราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างน่าสนใจ

ข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าของ BYD ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า BYD ราคาถูก! จนญี่ปุ่นตะลึงว่า ขายราคาถูกขนาดนี้ได้อย่างไร

การวิเคราะห์โครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin  เผยให้เห็นถึงกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ BYD สามารถบรรลุต้นทุนการผลิตที่ต่ำ  โดย BYD เลือกที่จะผลิตชิ้นส่วนหลักเกือบทั้งหมดภายในองค์กร  ยกเว้นเพียงกระจกและยางรถยนต์  กลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ BYD Dolphin ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของรถยนต์ยอดนิยมในญี่ปุ่นอย่าง Toyota Prius และ Nissan LEAF  มีศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาที่โดดเด่น

นอกจากนี้  BYD ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี  "8-in-1 E-Axle"  ซึ่งเป็นการผนวกรวมมอเตอร์  อินเวอร์เตอร์  และตัวลดความเร็วไว้ในชุดเดียว  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน  ลดขนาด  และลดต้นทุนในการผลิต

คุณโช คาโตะ  หัวหน้าแผนกของบริษัทนิสชิน เซกิ  ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมงานสัมมนา  ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า  "ผมรู้สึกประหลาดใจกับจำนวนชิ้นส่วนที่น้อยลงในรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD และ Tesla  ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการออกแบบและการผลิต"  พร้อมกล่าวเสริมว่า  "บริษัทของเราหวังว่าจะใช้ประสบการณ์จากธุรกิจเดิม  เพื่อขยายฐานการผลิตสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า"

ศูนย์แสดงรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2565  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า  โดยปัจจุบันมีบริษัทเข้าร่วมแล้วกว่า 450 แห่ง  และมีแผนจะเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ  เช่น  Hyundai IONIQ 6  เข้าสู่การจัดแสดงภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม  ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายใหญ่  เช่น  Toyota  ยังคงมีความล่าช้าในการปรับตัวเข้าสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ  โดยข้อมูลจากยอดขายรถยนต์ของ Toyota ในช่วง 8 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2567  ชี้ให้เห็นว่า  รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด  ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในการปรับตัวสู่กระแสการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

Toyota เร่งเครื่องพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ BYD เดินหน้าบุกตลาดโลก

แม้ Toyota จะยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์  แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า  ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับการแข่งขันจากผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหม่  เช่น  BYD  ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว  อย่างไรก็ตาม  Toyota  ได้แสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง  เช่น  แบตเตอรี่รุ่นใหม่และรถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นถัดไป  เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ

ในขณะที่ Toyota  กำลังเร่งปรับตัว  BYD  ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของจีน  ได้เริ่มขยายฐานการผลิต  และมุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศ  เช่น  ประเทศญี่ปุ่น  เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท  โดยในไตรมาสที่สองของปีนี้  BYD  สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ  ด้วยการมียอดขายรถยนต์รวมสูงกว่า  Nissan  และ  Honda  เป็นครั้งแรก  และยังคงรักษาอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง  ด้วยยอดขายที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่ในเดือนกันยายน

สถานการณ์ดังกล่าว  สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า  และความจำเป็นของผู้ผลิตยานยนต์  ในการพัฒนาเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางธุรกิจ  เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด  และรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

ปรากฏการณ์ BYD และอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า BYD ราคาถูก! จนญี่ปุ่นตะลึงว่า ขายราคาถูกขนาดนี้ได้อย่างไร

การปรากฏตัวของ BYD ในตลาดยานยนต์โลก  มิได้เป็นเพียงการสร้างความประหลาดใจแก่ภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเท่านั้น  หากแต่ยังสะท้อนถึงพลวัตการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ  ที่กำลังผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์  ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์  ความสำเร็จของ BYD ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูง  พร้อมกำหนดราคาจำหน่ายที่สามารถแข่งขันได้  เป็นผลลัพธ์จากการบูรณาการปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ  ประกอบด้วย

  • ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่: ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่ BYD จึงครอบครองความเชี่ยวชาญ และความได้เปรียบในเชิงต้นทุน อันเอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
  • กลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ: BYD ดำเนินกลยุทธ์การผลิตชิ้นส่วนประกอบหลักภายในองค์กร เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิต รักษาคุณภาพ และเสริมสร้างเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน
  • การพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำสมัย: BYD ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม เช่น "8-in-1 E-Axle" อันนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ และการลดต้นทุน
  • การวิเคราะห์และตอบสนองความต้องการของตลาด: BYD ประสบความสำเร็จในการออกแบบ และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทั้งในมิติของราคา สมรรถนะ และรูปลักษณ์

ความสำเร็จของ  BYD  ตอกย้ำถึงศักยภาพของผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน  ในการแข่งขันบนเวทีโลก  และความพร้อมที่จะท้าทายผู้ผลิตรายใหญ่  เช่น  Toyota  การแข่งขันที่ทวีความรุนแรง  ย่อมนำไปสู่การเร่งพัฒนานวัตกรรม  ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค  อันเนื่องมาจากการมีทางเลือกที่หลากหลาย  และราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี  การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า  ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในหลากหลายมิติ  อาทิ  การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  การเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค  และการบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  การประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ  ภาคเอกชน  และภาคอุตสาหกรรม  จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า  ให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน  และนำไปสู่การสร้างสรรค์อนาคตที่สะอาด  เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในอนาคตอันใกล้  BYD  มีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโลก  และเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี  และนวัตกรรม  เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง

ที่มา electrek

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT