ท่ามกลางคลื่นลมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงปั่นป่วน แมคโดนัลด์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟาสต์ฟู้ดยังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง พิสูจน์ความเป็นผู้นำด้วยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่เฉียบคมในการมัดใจลูกค้า ควบคู่กับการบริหารจัดการภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
แมคโดนัลด์ประกาศผลประกอบการ Q3 ปี 67 รายได้โตทะลุ 2.3 แสนล้านบาท
แม้เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน แต่ แมคโดนัลด์ (McDonalds) บริษัทแม่ ยังคงรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ โดยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ "Accelerating the Arches" ที่ขับเคลื่อนการเติบโต พร้อมเผยวิสัยทัศน์สู่อนาคต ที่มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพื่อครองใจลูกค้าทั่วโลก
ไฮไลท์ผลประกอบการ
- รายได้รวมอยู่ที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.346 แสนล้านบาท เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (หรือ 2% เมื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยน)
- ยอดขายรวมทั่วโลก* ของสมาชิกโปรแกรมสะสมคะแนนใน 50 ตลาด มีมูลค่าสูงถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และเกือบ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การสร้างฐานลูกค้า
นายคริส เคมป์ชินสกี (Chris Kempczinski) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า "เรายังคงมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ด้วยคุณค่าที่เข้าถึงง่าย คุ้มค่า และราคาที่เหมาะสม ซึ่งลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แมคโดนัลด์จะยังคงดำเนินกลยุทธ์ Accelerating the Arches เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลก และรับมือกับความท้าทายต่างๆ" *หมายเหตุ: ยอดขายรวมทั่วโลก (Systemwide sales) หมายถึงยอดขายรวมของร้านแมคโดนัลด์ทั่วโลก ทั้งที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง และร้านแฟรนไชส์
ผลการดำเนินงานทางการเงินไตรมาส 3
แม้ยอดขายสาขาเดิมทั่วโลกจะลดลงเล็กน้อย แต่แมคโดนัลด์ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยผลประกอบการโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง ด้วยรายได้ที่เติบโตและความสามารถในการรักษาผลกำไร
ภาพรวมยอดขาย
ยอดขายสาขาเดิมทั่วโลกลดลง 1.5% ซึ่งเป็นผลจากการลดลงในตลาดต่างประเทศ ขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงเติบโต
ยอดขายสาขาเดิม
|
เพิ่มขึ้น/(ลดลง) (%) | |
ไตรมาสสิ้นสุด 30 กันยายน | ||
2567 | 2566 | |
สหรัฐอเมริกา | 0.3 % | 8.1 % |
ตลาดต่างประเทศที่ดำเนินงานโดยตรง | -2.1 | 8.3 |
ตลาดต่างประเทศที่ดำเนินงานผ่านแฟรนไชส์และไลเซนส์ | -3.5 | 10.5 |
รวม | -1.5 | 8.8 % |
- สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 0.3% : ยอดขายสาขาเดิมเติบโตเล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากมูลค่าเฉลี่ยต่อบิลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์ด้านราคาและแคมเปญการตลาดที่เน้นเมนูหลัก ควบคู่กับการดำเนินงานในระดับร้านอาหารที่มีประสิทธิภาพ และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของช่องทางดิจิทัลและบริการเดลิเวอรี อย่างไรก็ตาม จำนวนลูกค้าที่ลดลงเล็กน้อยเป็นปัจจัยที่ชดเชยการเติบโตดังกล่าว
- ตลาดต่างประเทศที่ดำเนินงานโดยตรง ลดลง 2.1% : ผลการดำเนินงานในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากยอดขายสาขาเดิมที่ลดลงในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นตลาดสำคัญ
- ตลาดต่างประเทศที่ดำเนินงานผ่านระบบแฟรนไชส์และไลเซนส์ ลดลง 3.5% : ผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามในตะวันออกกลาง และยอดขายสาขาเดิมที่ลดลงในจีน เป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งผลประกอบการในภูมิภาคนี้ แม้ว่ายอดขายสาขาเดิมในลาตินอเมริกาจะเติบโตก็ตาม
รายได้และกำไร
- รายได้รวม 6,873 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% (2% เมื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยน) สะท้อนถึงความสามารถในการสร้างรายได้จากช่องทางต่างๆ
- ยอดขายรวมทั่วโลกทรงตัว (ทรงตัวเมื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยน)
- กำไรจากการดำเนินงาน 3,188 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1% ซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ กำไรจากการดำเนินงานรวมจะเพิ่มขึ้น 2% (1% เมื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยน) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน
- กำไรสุทธิ 2,255 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3%
- กำไรต่อหุ้นปรับลด (Diluted EPS) อยู่ที่ 3.13 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1% (1% เมื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยน) โดยหากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร กำไรต่อหุ้นปรับลดจะอยู่ที่ 3.23 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1% (1% เมื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยน)
ค่าใช้จ่ายและปัจจัยที่มีผลต่อกำไรจากการดำเนินงาน
- ในปี 2567 : มีค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษีสุทธิ 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในไตรมาสนี้ และ 142 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม ค่าใช้จ่ายจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินสดที่เกี่ยวข้องกับการขายธุรกิจของแมคโดนัลด์ในเกาหลีใต้ และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการของแมคโดนัลด์ในอิสราเอล นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษี 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในไตรมาสนี้ และ 146 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานให้ทันสมัย (Accelerating the Organization)
- ในปี 2566 : มีค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษี 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในไตรมาสนี้ และ 224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การเติบโต Accelerating the Arches รวมถึงค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร
- ปัจจัยที่มีผลต่อกำไรจากการดำเนินงาน: หากไม่รวมรายการข้างต้น กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้ได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายในการขาย การบริหาร และการตลาดที่ลดลง และอัตรากำไรจากแฟรนไชส์ที่สูงขึ้น ส่วนผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอัตรากำไรจากแฟรนไชส์ที่สูงขึ้นตามยอดขาย แต่ถูกหักล้างบางส่วนด้วยค่าใช้จ่ายในการขาย การบริหาร และการตลาดที่สูงขึ้น ผลประกอบการในทั้งสองช่วงเวลาดังกล่าว สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
นโยบายเงินปันผล : บริษัทประกาศเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาส 6% เป็น 1.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นคงและความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น
กลยุทธ์ "Accelerating the Arches" ของแมคโดนัลด์ คืออะไร
Accelerating the Arches คือ แผนการเติบโตระยะยาวที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใน 4 แกนหลัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
4 แกนหลักของ Accelerating the Arches
- Marketing: การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง โดนใจผู้บริโภค ผ่านแคมเปญการตลาดที่สร้างสรรค์ และการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การใช้พรีเซนเตอร์ การจัดโปรโมชั่น การสร้างกระแสไวรัล และการใช้สื่อดิจิทัล
- Commitment to the Core: การมุ่งเน้นเมนูหลัก โดยเฉพาะเบอร์เกอร์ ไก่ และกาแฟ ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างรายได้หลัก และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาสูตร ปรับปรุงรสชาติ และนำเสนอเมนูใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการ
- Digital: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เช่น การสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน การชำระเงินแบบไร้สัมผัส การใช้ระบบ loyalty program และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น
- Restaurant Development: การขยายสาขา ปรับปรุงร้านอาหารเดิม และพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เช่น การเพิ่มช่องทาง drive-thru การให้บริการ delivery และการสร้างร้านในรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่
เป้าหมายของ Accelerating the Arches
- เพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด: โดยการดึงดูดลูกค้าใหม่ และรักษาลูกค้าเดิม ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด
- สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์: โดยการสร้างแบรนด์ที่ทันสมัย น่าเชื่อถือ และเป็นที่รักของผู้บริโภค
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน: โดยการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ
- ขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ๆ: โดยการขยายสาขา และพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
กลยุทธ์ Accelerating the Arches นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้แมคโดนัลด์ สามารถเติบโต และรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในปัจจุบัน
ผลประกอบการ Q3/67 ตอกย้ำวิสัยทัศน์แมคโดนัลด์ มุ่งสู่ผู้นำอุตสาหกรรมอาหาร
แม้สภาวะเศรษฐกิจโลกจะยังคงมีความผันผวน แต่แมคโดนัลด์ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความมั่นคง โดยอาศัยกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับตัวให้สอดคล้องกับพลวัตทางเศรษฐกิจ ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 นับเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แม้เผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในระดับมหภาค
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
- การส่งมอบประสบการณ์อันเหนือระดับแก่ลูกค้า: แมคโดนัลด์ยึดมั่นในพันธกิจในการนำเสนอคุณค่าที่เข้าถึงได้ง่าย คุ้มค่า และราคาที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
- การขับเคลื่อนกลยุทธ์ Accelerating the Arches: กลยุทธ์นี้เป็นเสาหลักในการผลักดันการเติบโตขององค์กร ครอบคลุมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า การขยายเครือข่ายธุรกิจ และการสร้างสรรค์นวัตกรรม
- การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: แมคโดนัลด์ประสบความสำเร็จในการรักษาผลกำไร แม้ยอดขายสาขาเดิมจะปรับตัวลดลง โดยการควบคุมค่าใช้จ่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
วิสัยทัศน์สู่อนาคตของแมคโดนัลด์ยังคงมุ่งมั่นในการลงทุนเพื่ออนาคต ครอบคลุมทั้งด้านเทคโนโลยี การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร และการขยายเครือข่ายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และธำรงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ของแมคโดนัลด์ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ และความสามารถในการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย พร้อมกับการสร้างสรรค์โอกาสในการเติบโต แมคโดนัลด์มีความพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั่วโลก