ธุรกิจการตลาด

ฟุไน อิเล็กทริก ล้มละลาย! ปิดโรงงานสาขาในไทย เลิกจ้างพนักงาน 862 คน

3 พ.ย. 67
ฟุไน อิเล็กทริก ล้มละลาย! ปิดโรงงานสาขาในไทย เลิกจ้างพนักงาน 862 คน

ข่าวใหญ่สะเทือนวงการอิเล็กทรอนิกส์! ฟุไน อิเล็กทริก (Funai Electric) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากญี่ปุ่น ประกาศล้มละลาย ปิดฉากตำนานกว่า 6 ทศวรรษ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ รวมถึงการปิดโรงงานสาขาในประเทศไทย และเลิกจ้างพนักงานกว่า 800 คน อะไรคือสาเหตุที่ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ต้องมาถึงจุดนี้? บทความนี้จะพาคุณไปดูเบื้องหลังวิกฤตการณ์ของ ฟุไน อิเล็กทริก วิเคราะห์ผลกระทบและมองหาโอกาสในการปรับตัวและพัฒนา เพื่อก้าวข้ามผ่านความท้าทายนี้ไปด้วยกัน

ฟุไน อิเล็กทริก ล้มละลาย! ปิดโรงงานสาขาในไทย เลิกจ้างพนักงาน 862 คน

ฟุไน อิเล็กทริก ล้มละลาย! ปิดโรงงานสาขาในไทย เลิกจ้างพนักงาน 862 คน

ฟูไน อิเล็กทริค (Funai Electric) ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของญี่ปุ่น ต้องเผชิญกับมรสุมทางธุรกิจครั้งใหญ่ นำไปสู่การยื่นคำร้องขอเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ซึ่งศาลแขวงในประเทศญี่ปุ่นได้มีคำสั่งอนุมัติคำร้องดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทสาขาในประเทศไทย โดย ฟูไน (ไทยแลนด์) จังหวัดนครราชสีมา จำเป็นต้องประกาศปิดโรงงาน พร้อมเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด 862 คน

สื่อมวลชนชั้นนำของญี่ปุ่น อาทิ เจแปนไทม์ส และ อาซาฮี รายงานตรงกันว่า ฟูไน อิเล็กทริค ซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์รายสำคัญของ Walmart กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคู่แข่งในจีนและเกาหลีใต้ ข้อมูลจาก เทโกกุ ดาตาแบงก์ เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 ฟูไน อิเล็กทริค ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองไดโตะ จังหวัดโอซากา มีภาระหนี้สินรวมทั้งสิ้น 46,100 ล้านเยน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

ฟุไน อิเล็กทริก ยักษ์ใหญ่เครื่องเสียงญี่ปุ่นล้มละลาย

ฟุไน อิเล็กทริก ล้มละลาย! ปิดโรงงานสาขาในไทย เลิกจ้างพนักงาน 862 คน

ฟุไน อิเล็กทริก ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 และเคยเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ โดยเป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกในปี พ.ศ. 2551 เคยประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยครองส่วนแบ่งการตลาดเครื่อง VCR ในสหรัฐอเมริกามากกว่า 30% และส่วนแบ่งการตลาดทีวี/วีซีอาร์แบบคอมโบในประเทศญี่ปุ่นสูงถึง 50% ในปีงบประมาณ 2549 ฟูไน มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะระดับเกือบ 400,000 ล้านเยน

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท ประกอบกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตในประเทศจีน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลกระทบจากกรณีอื้อฉาวของบริษัทสาขาในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

ในปี พ.ศ. 2564 ฟุไน อิเล็กทริก ถูกเข้าซื้อกิจการโดย บริษัท ชูวะ ซิสเต็ม โฮลดิ้งส์ และเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทเอกชน แต่สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทก็ยังไม่ฟื้นตัว และต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินเพิ่มเติมจากบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจร้านเสริมสวย ซึ่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทั้งนี้ แผนฟื้นฟูกิจการของฟุไน อิเล็กทริก จะดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของศาล โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของบริษัท และรักษาไว้ซึ่งการจ้างงาน

กระทรวงแรงงานเร่งเยียวยาพนักงานบริษัท ฟุไน (ไทยแลนด์) โคราช หลังบริษัทแม่ในญี่ปุ่นล้มละลาย

ฟุไน อิเล็กทริก ล้มละลาย! ปิดโรงงานสาขาในไทย เลิกจ้างพนักงาน 862 คน

นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามและให้ความช่วยเหลือเยียวยาพนักงานของบริษัท ฟุไน (ไทยแลนด์) จำกัด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องรับวิทยุ เครื่องบันทึกและทำสำเนาเสียงและภาพ หลังจากที่บริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นประกาศล้มละลาย ส่งผลให้บริษัท ฟุไน (ไทยแลนด์) ต้องปิดกิจการลง ทำให้พนักงานทั้งสิ้น 862 คน ประกอบด้วยพนักงานชาย 310 คน และพนักงานหญิง 552 คน ต้องตกงาน

นายภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนักงานแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ได้รายงานว่า บริษัท ฟุไน (ไทยแลนด์) ได้ประกาศหยุดดำเนินกิจการชั่วคราวเป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 30 พฤศจิกายน 2567 เนื่องจากบริษัทแม่ในญี่ปุ่นประกาศล้มละลายต่อศาล ทำให้บริษัทประสบปัญหาในการจัดซื้อวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่หยุดดำเนินกิจการชั่วคราวนี้ ทางบริษัทจะจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานในอัตราร้อยละ 75 ของค่าจ้างปกติ ตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพนักงานทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล และให้ความช่วยเหลือพนักงานในทุกด้านอย่างครอบคลุม ทั้งในเรื่องของค่าจ้าง สิทธิประโยชน์ประกันสังคม และสวัสดิการอื่นๆ

“ท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ของบริษัท ฟุไน (ไทยแลนด์) อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว เพื่อประเมินว่าบริษัทจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และพนักงานจะมีโอกาสกลับเข้าทำงานหรือไม่ หากมีความเป็นไปได้ว่าพนักงานจะต้องว่างงาน ก็ขอให้สำนักงานจัดหางานและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานในพื้นที่ เร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือ เช่น การแนะนำตำแหน่งงานว่าง การฝึกอบรมพัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อให้พนักงานสามารถหางานใหม่ได้ หรือใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ระหว่างการรอหางาน นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานจะเฝ้าติดตามสถานการณ์การเลิกจ้างทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถดูแลช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบได้อย่างทันท่วงที” นายภูมิพัฒน์ กล่าว

บทเรียนจากวิกฤตฟุไน อิเล็กทริก โอกาสในการปรับตัวและก้าวต่อไป

ฟุไน อิเล็กทริก ล้มละลาย! ปิดโรงงานสาขาในไทย เลิกจ้างพนักงาน 862 คน

การประกาศล้มละลายของบริษัท ฟุไน อิเล็กทริก จำกัด นับเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของเศรษฐกิจโลกและความท้าทายที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ยากจะควบคุม

อย่างไรก็ดี วิกฤตการณ์เช่นนี้ย่อมเปิดโอกาสให้เกิดการปรับตัวและพัฒนา กรณีของฟุไน อิเล็กทริก อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ทั้งในระดับองค์กรและระดับประเทศ

ในมุมมองของบริษัท ฟุไน อิเล็กทริก แม้จะเผชิญกับภาวะวิกฤต แต่การได้รับอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการจากศาล ถือเป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างทางการเงิน แก้ไขปัญหาภายในองค์กร และแสวงหาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน และกลับสู่ตลาดอีกครั้ง

ในระดับประเทศ เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนให้ภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับตัว พัฒนาขีดความสามารถ และยกระดับนวัตกรรม เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก

สำหรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ แม้การเลิกจ้างจะนำมาซึ่งความยากลำบาก แต่ก็เป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะ แสวงหาความรู้ใหม่ๆ และ เปิดรับโอกาสทางอาชีพในสาขาอื่นๆ

ภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรบูรณาการความร่วมมือ ให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ทั้งในด้านการฝึกอบรม การพัฒนาทักษะ และการเข้าถึงโอกาสในการจ้างงาน เพื่อให้พวกเขากลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ในท้ายที่สุด ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฟื้นฟูภาคธุรกิจ และนำพาประเทศให้ก้าวข้ามผ่านความท้าทายนี้ไปได้อย่างยั่งยืน

อ้างอิง japantimes และ กระทรวงแรงงาน

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT