ในอดีตอำเภอกวนหยุน ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน เคยเป็นชุมชนเกษตรกรรมขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตชุดชั้นในของจีน จนมีการตั้งชื่อให้ว่า “เมืองหลวงชุดชั้นใน” เพราะปัจจุบันนี้มีโรงงานกว่า 1,400 แห่งตั้งอยู่ และแรงงานประมาณ 100,000 คนทำงานในอุตสาหกรรมนี้
รัฐบาลเริ่มส่งเสริมอุตสาหกรรมในเมืองนี้ ด้วยการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม WeMet ซึ่งมักถูกเรียกว่า “Victoria’s Secret Town” แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังอย่าง Victoria’s Secret จริงๆ
การลงทุนและสนับสนุนเขตอุตสาหกรรมอาจจะไม่ยากเท่าไร แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการเปลี่ยนทัศนคติต่อชุดชั้นในของจีน เพราะนับตั้งแต่ยุคคอมมิวนิสต์เริ่มต้น จะมีการแบนสื่อลามกและการปราบปรามสิ่งที่ถูกมองว่า “ลามกอนาจาร” อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ การเปิดรับทัศนคติจากต่างประเทศมากขึ้นทำให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้หญิง มีความคิดที่เสรีขึ้น
บริษัทที่ปรึกษา iiMedia เปิดเผยว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเพศบนช่องทางออนไลน์ในจีนเติบโตถึง 50% ในปี 2019 คิดเป็นมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในช่วงแรก ชุดชั้นในที่ได้รับความนิยมในจีนเป็นดีไซน์หลวม ๆ และไม่เปิดเผยรูปร่างมากนัก แต่ในปัจจุบัน ดีไซน์แบบกึ่งโปร่งใสและรัดรูปกลับกลายเป็นที่ต้องการในตลาด
ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวเมืองกวนหยุนพุ่งขึ้นเป็น 21,000 หยวน ในปี 2022 จากเพียง 5,000 หยวน ในปี 2008 ซึ่งอุตสาหกรรมชุดชั้นในถือเป็นภาคธุรกิจสำคัญของเมืองนี้
เมื่อเหล่ย ฉงรุ่ย ผู้ประกอบการชุดชั้นในในอำเภอกวนหยุนเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรก ธุรกิจของเขายังไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมายอดขายพุ่งสูงขึ้น ประการแรกคือ ผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 22-25 ปี หันมาให้ความสนใจกับชุดชั้นในมากขึ้น นอกเหนือไปกว่านั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากกฎหมายภาษีที่เรียกว่า “de minimis rule” ซึ่งกำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยในสหรัฐฯ หากมีการจัดส่งสินค้าให้บุคคลทั่วไป สำหรับสินค้าที่มูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะได้รับการเว้นภาษี
เล่ยเริ่มต้นธุรกิจนี้ในปี 2006 ด้วยความช่วยเหลือจากครอบครัว และในปี 2014 เขาหันไปขายสินค้าในตลาดต่างประเทศเพื่อลดการแข่งขันด้านราคาภายในประเทศ จนกระทั่งกฎ de minimis ช่วยกระตุ้นยอดขายของเขาให้เพิ่มขึ้นทุกปี
เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังจะกลับมาอีกครั้ง ทรัมป์มีแผนที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีน แต่ถ้าหากกฎ de minimis ถูกยกเลิก อำเภอกวนหยุนและแรงงานในอุตสาหกรรมชุดชั้นในของจีนอาจต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ เพราะต้นทุนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายจะลดลง โดยเหล่ยเล่าว่า เพราะทุกวันนี้ รายได้ 70% ของบริษัทมาจากตลาดสหรัฐฯ
Nomura คาดการณ์ว่าจีนจะส่งออกสินค้ามูลค่า 240,000 ล้านดอลลาร์ ภายใต้สิทธิยกเว้นภาษี de minimis ในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 7% ของการส่งออกทั้งหมด และสร้างรายได้ประมาณ 1.3% ของ GDP ของประเทศ อย่างไรก็ตาม หากข้อยกเว้นดังกล่าวถูกยกเลิก การเติบโตของการส่งออกอาจหดตัวลง 1.3 จุด และ GDP จะลดลง 0.2 จุด ซึ่งสถานการณ์อาจยิ่งแย่ลงหากภูมิภาคอื่น เช่น ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดำเนินตามมาตรการเดียวกัน
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนและรัฐบาลท้องถิ่นในเมืองกวนหยุนยังไม่ให้แสดงความเห็นใดๆในเรื่องนี้
Reuters