รองเท้าที่คุณได้เห็นนี้ ไม่ใช่สินค้าประจำแคมเปญวันโกหก (April Fool’s Day) หรือสินค้าล้อเลียน แต่เป็นสินค้าจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง Balenciaga ซึ่งนับวันแบรนด์นี้ จะออกสินค้าที่ฉีกภาพลักษณ์ “แบรนด์ไฮเอนด์” ออกไปทุกที แต่ถูกใจเหล่าสาวกที่ไม่ต้องการเหมือนใคร จนขายดีถล่มทลาย!
ครั้งนี้ Balenciaga ออกคอลเลคชั่นใหม่ในแบบจำนวนจำกัด ชื่อว่า “Paris” ในคอนเซปต์ “ใส่ได้ตลอดชีวิต” (เพราะสภาพเลยจุดที่เราจะตัดสินใจทิ้งมานานตั้งแต่ตอนซื้อมาแล้ว) จากผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ “Demna Gvasalia” ซึ่งถนัดในการสร้างสรรค์ผลงานรองเท้าในสไตล์ “รองเท้าน่าเกลียด (Ugly Shoes)”
แต่รองเท้าสภาพเหมือน “เหยียบกับระเบิด” เลอะเทอะ และขาดวิ่นตั้งแต่ส่วนบนจนถึงส้นเท้า พร้อมชื่อแบรนด์ที่เขียนด้วยปากกาเมจิกฝืดๆ “Balenciaga” ที่เราเห็นในภาพนี้ เป็นเวอร์ชั่นที่ถูกทำให้ดู “อนาถาเกินจริง” ของรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด ที่มีเพียง 100 คู่เท่านั้น วางจำหน่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งนอกจากเป็นช่องทางทำเงินชั้นดีให้ซื้อไปเพื่อขายต่อแบบขึ้นราคาแล้ว Balenciaga ยังได้โฆษณาฟรีๆ จากการรองเท้าคอลเล็คชั่นนี้ ถูกแชร์ทั่วอินเทอร์เน็ตจนเป็นไวรัลอีกด้วย
ส่วนสินค้าที่ให้ลูกค้าซื้อไปใส่จริงๆ นั้นจะมีสภาพดีกว่านี้ มีตั้งแต่ผ้าใบเปิดส้น (17,400 บาท) ผ้าใบหุ้มข้อ (21,900 บาท) และรุ่นลิมิเต็ด ผ้าใบหุ้มข้อที่มีลวดลายเหมือนเพิ่งผ่านศึกกับน้องหมาเจ้าถิ่นมา พร้อมชื่อ Balenciaga ที่เขียนด้วยลายมือ บริเวณพื้นด้านข้าง (64,000 บาท)
สินค้า “ยิ่งโทรม ยิ่งแพง” แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการของ นักเลงกางเกงยีนส์ ซึ่งนิยมนำกางเกงเยนส์ มาสร้างเฟด (ริ้วรอยสีด่างบนผ้ายีนส์) หรือรอยขาด จนเกิดเป็นงานศิลปะบนกางเกง ทำให้กางเกงตัวนั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หรืออาจมีตัวเดียวบนโลก ยกมูลค่าของกางเกงตัวนั้นให้สูงกว่ากางเกงสวยใสไร้ริ้วรอยเป็นเท่าตัว
ก่อนหน้านี้แบรนด์ Balenciaga ได้ ออกรองเท้าหลายคอลเลคชั่นที่ทำให้หลายคนต้องฉงน อย่างเช่น รุ่นที่จับมือกับ Crocs รองเท้ายางลำลองขวัญใจคนทั่วโลก ออกคอลเลคชั่นรองเท้า Crocs เวอร์ชั่นสุดเฟี้ยว ทั้ง Crocs ส้นตึก, Crocs บูทส์, Crocs ส้นสูง
หรือรุ่น X-Pander ที่มีพื้นฐานเป็นรองเท้าผ้าใบแบบออกกำลังกาย แต่มีทั้งแบบส้นเข็ม และส้นสปริง ที่เห็นแล้วต้องนับถือน้ำใจ ทั้งคนที่กล้าใส่ และดีไซน์เนอร์ที่กล้าออกแบบรองเท้าคอลเลคชั่นนี้มา
ที่มา : Balenciaga, GQ Thailand, Highsnobiety, CNN