สินทรัพย์ดิจิทัล

Bitcoin ราคาร่วง ต่ำ $62,000 สะเทือนตลาดคริปโต หลังเงินไหลออกถล่มทลาย

20 มี.ค. 67
Bitcoin ราคาร่วง ต่ำ $62,000 สะเทือนตลาดคริปโต หลังเงินไหลออกถล่มทลาย
ไฮไลท์ Highlight
  • Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า $62,000 สาเหตุหลักมาจากการ ปรับฐานราคา หลังจากแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ $73,750
  • กองทุน GBTC ของ Grayscale เผชิญกับเงินไหลออกจำนวนมหาศาลกว่า $640 ล้าน
  • การที่ราคาคริปโตตกนี้ทำให้นักลงทุนที่เทรดฟิวเจอร์และเดิมพันว่าราคาจะสูงขึ้นขาดทุนไปกว่า $440 ล้าน
  • มีการคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจจะร่วงลงก่อนถึง halving (19 เมษายน) ประมาณ 2 - 4 สัปดาห์

 

ราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า $62,000 ทำให้กำไรที่ได้สะสมมาทั้งหมดในเดือนมีนาคมหายไป หลังจากที่เพิ่งสร้างสถิติใหม่ที่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ประมาณ 73,750 ดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ มูลค่ารวมของตลาดเงินคริปโต ลดลงอย่างมาก

 

Bitcoin ราคาร่วง ต่ำ $62,000 สะเทือนตลาดคริปโต หลังเงินไหลออกถล่มทลาย

Bitcoin ราคาร่วง ต่ำ $62,000 สะเทือนตลาดคริปโต หลังเงินไหลออกถล่มทลาย

จากรายงานของทาง yahoo finance ระบุว่า ราคาของ Bitcoin ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาร่วงลงต่ำกว่าา $62,000 (ลดลงมากกว่า 14% จากจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน) ก่อนที่จะดีดกลับมาทรงตัวอยู่ต่ำกว่า $63,000 (ข้อมูลจาก CoinGecko) ราคาบิตคอยน์เริ่มร่วงช่วงค่ำวันจันทร์หลังมีเงินไหลออกจำนวนมหาศาลจากกองทุน GBTC ของ Grayscale มากกว่า $640 ล้าน (ข้อมูลจาก Bloomberg) ในขณะที่เงินไหลเข้า 9 กองทุน Bitcoin ETF อื่น ๆ รวมกันแล้วอยู่ต่ำกว่า $500 ล้าน ทำให้โดยรวมตลาดมีเงินไหลออกสุทธิ $15 ล้านในวันจันทร์ ผลกระทบไม่ได้หยุดแค่ Bitcoin แต่อย่างใด เหรียญหลักอื่น ๆ อย่าง Ether และ Solana ก็ร่วงลง 8.1% และ 12.5% ตามลำดับในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่วนมีมคอยน์ก็โดนหนักเช่นกัน FLOKI, Bonk, และ Dogecoin ร่วงลง 34%, 28.5%, และ 24.8%


อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้บิทคอยน์ร่วง?

Bitcoin ราคาร่วง ต่ำ $62,000 สะเทือนตลาดคริปโต หลังเงินไหลออกถล่มทลาย

จากวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การปรับตัวลดลงครั้งนี้เป็นการ "ปรับฐานราคา" หลังจากที่บิทคอยน์ทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $73,750 ดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ บิทคอยน์อยู่ในช่วงขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2567 หลังจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ อนุมัติให้มีการซื้อขายบิทคอยน์ผ่านกองทุน ETF ทำให้นักลงทุน โดยเฉพาะสถาบันการเงิน สามารถซื้อขายบิทคอยน์ได้โดยไม่ต้องถือครองเหรียญจริง ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนเตือนว่า ตลาดเงินคริปโตมีความผันผวนสูง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน

นอกจากเรื่องเงินไหลออกจาก ETF แล้ว นักลงทุนยังดูจะระมัดระวังในการเทรดก่อนการประชุมของ Federal Open Market Committee ในสัปดาห์นี้เพื่อรอดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่สูงกว่าที่คาดไว้ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดน่าจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ย โดยเครื่องมือ CME FedWatch Tool คาดการณ์ถึง 99% ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ธนาคารกลางของญี่ปุ่นก็เพิ่มอัตราดอกเบี้ยหลักจาก -0.1% เป็น 0% - 0.1% เพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 17 ปี

การที่ราคาคริปโตตกนี้ทำให้นักลงทุนที่เทรดฟิวเจอร์และเดิมพันว่าราคาจะสูงขึ้นขาดทุนไปกว่า $440 ล้าน (ข้อมูลจาก Coinglass) ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุของราคาร่วง โดยการถูกบังคับขาย (liquidation) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ Binance มูลค่า $212 ล้าน และ OKX ที่ $170 ล้าน การถูกบังคับขายจะเกิดขึ้นเมื่อกระดานเทรดปิดสถานะที่มีเลเวอเรจของนักลงทุนเนื่องจากเงินหลักประกันไม่เพียงพอ

สาเหตุอีกอย่างที่อาจทำให้ราคาร่วงคือการปรับฐานก่อนถึงช่วง halving บริษัทวิเคราะห์ Rekt Capital บอกกับ CoinGape Media เมื่อวานว่า Bitcoin อาจจะราคาร่วงลงก่อนถึงช่วง halving (ปรากฏการณ์ที่รางวัลจาก “การขุด” บิตคอยน์จะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งทุก ๆ 4 ปี ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเกิดวันที่ 19 เมษายน) ประมาณ 2 - 4 สัปดาห์ ซึ่งหากอ้างอิงตามประวัติศาสตร์แล้ว มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจริงเพราะก่อน halving ปี 2016 ราคาตก 38% ส่วนปี 2020 ตกถึง 20%

ที่มา yahoo finance

advertisement

SPOTLIGHT