หลังการปล็อคกัญชา ออกจากบัญชีรายชื่อยาเสพติดประเภทที่ 5 ก็ทำให้ทั้งประชาชนทั่วไป ภาคธุรกิจ แสดงความสนใจในการพัฒนากัญชาเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย ส่วนตัวเลขประชาชนจดแจ้งการปลูก กัญชา กัญชง ผ่านแอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” อัพเดท ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2565 ณ เวลา 07.00 น.มีจำนวนมากกว่า 37,093,501 ครั้ง และลงทะเบียนจดแจ้งการปลูก กัญชา กัญชง กว่า 785,192 คนแล้ว
กระแสความความสนใจ กัญชา กัญชง ในมุมของเศณษฐกิจถือเป็นเรื่องดีเพราะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ กัญชา กัญชง กลายเป็น “พืชเศรษฐกิจ” ที่สำคัญอีกตัวของประเทศไทย สำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่ต้องการปลูกกัญชา กัญชง มีข้อควรรู้มากมาย วันนีรวบรวมมาข้อมูลมาฝากกัน
สิ่งสำคัญที่ทำให้ กัญชา กัญชง กลายเป็นพืชเศรษฐกิจ เพราะสารที่อยู่ในกัญชา 2 ชนิด คือ สาร THC และ CBD ซึ่งมีประโยชน์การในการแพทย์ และ การพัฒนาสินค้าในหมวดอื่นๆด้วย
สาร CBD หรือ Cannabidiol มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และมีคุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง
สาร THC หรือ Tetrahydrocannabinol มีผลต่อจิต ประสาท ทำให้ผ่อนคลาย นอนหลับ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และกระตุ้นให้อยากอาหาร
เมื่อนำ CBD สกัดจะได้สาร THC ซึ่งการสกัด THC ไม่ให้เข้าข่ายสารเสพติดจะต้องได้ THC น้อยกว่า 0.2% ดังนั้นจึงควรต้องมีการตรวจสอบจากในห้องปฏิบัติการเท่านั้น และต้องระวังไม่ให้ THC เกินมาตรฐานที่กำหนด ดังนั้นการเปิดเสรีปลูกกัญชาจึงต้องมีมาตรการควบคุมอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการนำกัญชาไปใช้งานผิดประเภทและกลายเป็นสารเสพติดในท้ายที่สุด
หลังการปลดล็อค ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน ดังนั้น จึงมีความสนใจของผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ เข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ ต้นน้ำ คือ การปลูก การสกัด และ การพัฒนาสินค้า โดยคาดว่า โดยมีการประเมินว่่ามูลค่าการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชง กัญชา จะสูงถึง 1,200 ล้านบาท ในขณะที่มูลค่าของตลาดกัญชาและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยรวมอยู่ประมาณ 40,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตไปถึง 70,000 ล้านบาทได้ภายในปี 2024 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ขณะที่มูลค่าของธุรกิจนี้ในระดับโลกปัจจุบันแตะที่ 100,000 ล้านบาท
หลายคนมีข้อสงสัยว่าประชาชนเกือบ 1 ล้านคน ตอนนี้ที่สนใจปลูกกัญชา กัญชง หากปลูกกันเยอะราคากัญชาจะตกหรือไม่ หากเปรียบเทียบกับประเทศอย่างสหรัฐฯที่มีการกฎหมายให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และการสันทนาการแบบมีเงื่อนไข และใช่ในบางรัฐพบว่า ในระยะแรกของการอนุญาตคนสนใจปลูกเยอะส่งให้ราคาตกลงไปบ้าง แต่ในท้ายที่สุดก็กลับขึ้นมาได้ เพราะ กัญชาเป็นพืชล้มลุก มีวงจรอายุประมาณ 1 ปี ซึ่งท้ายที่สุด ใบจะเล็กลงและแห้งตายในที่สุด
ทั้งราคาต้นกัญชา กัญชง ล้วนแล้วแต่มีราคาทุกส่วน เพราะนำไปพัฒนาใช้ประโยชน์เป็นสินค้าที่หลากหลาย ผู้บริหารของ Cannabiz way บริษัทผู้ปลูกกัญชง กัญชา กว่า 75,000 ต้นในจังหวัดสระบุรี ให้ข้อมูลกับสื่อผ่านสถานีวิทยุ 101 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ลองมาดูกันว่าราคากัญชาแต่ละส่วนเป็นอย่างไรบ้าง
เมล็ดกัญชา (เพื่อใช้เป็นต้นพันธุ์ปลูก)
วิธีการปลูกกัญชา หลายคนจะเริ่มจากการเพาะเมล็ดกัญชา ซึ่งราคาเมล็ดกัญชาแตกต่างกันตามสายพันธุ์ และที่มาว่าในประเทศหรือต่างประเทศ หากนำเข้าเมล็ดสายพันธุ์กัญชาจากต่างประเทศ ราคามีตั้งแต่หลักร้อย – หลักพัน /1 เมล็ด ส่วนในประเทศ ราคา2 บาทต่อเมล็ดก็มี ผู้ขายจะแยกขายต่อเมล็ด และไม่การันตีว่าจะงอก 100% ส่วนกัญชา กัญชง 1 กิโลกรัม มีประมาณ 800 เมล็ด หลังจากได้เมล็ดกัญชามาแล้ว ค่าวัสดุในการปลูกกัญชาก็ไม่ถูกตกถุงละ ประมาณ 400 บาท ยังไม่รวมน้ำหมัก บำรุง ดูแล ต้นกัญชาอีกด้วย
ราคาช่อดอกกัญชา เป็นส่วนที่แพงที่สุดในบรรดาส่วนต่างๆของกัญชา เพราะช่อดอกกัญชาเป็นส่วนสำคัญที่นำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สารแคนาบินอยด์และเทอร์ปีนจะถูกผลิตขึ้นในต่อมเรซินของกัญชา ซึ่งเรียกว่า ไตรโคม (trichomes) โดยราคาของช่อดอกกัญชาก็จะขึ้นอยู่กับระบบการปลูกด้วย หากปลูกในระบบปิด ที่มีการควบคุมแสง (สาร THC แปรผันตามแสงแดด แดดมาก อาจได้สาร THC สูง ) ราคาช่อดอกของกัญชาที่ปลูกแบบระบบปิด จึงสูงสุดถึง กิโลกรัมละ 45,000 บาท // ระบบปลูกแบบ Green House 15,000 บาท/กก. // ระบบปลูกแบบ Outdoor 5,000 บาท/ กก.
ประชาชนจำนวนมากสนใจอยากปลูกกัญชา เพราอาจต้องการนำมาใช้ในครัวเรือน หรือบางคนอาจจะมองเห็นโอกาสเผื่อพัฒนาต่อ ยอดนำกัญชาออกมาขาย หรือเอาไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่การปลูกกัญชานั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ได้แปลว่า ปลูกแล้วจะงอกขึ้นมา จนออกดอกได้ทุกคน และวงจรของกัญชา ก็จะมีอายุราว 1 ปี ซึ่งในที่สุดใบกัญชาจะค่อยๆเล็กลง และแห้งตายไปในที่สุด ดังนั้น หลายฝ่ายเชื่อว่า คนแห่ปลูกเยอะ ราคาอาจลงมาช่วงแรก แต่ไม่ได้ปลูกสำเร็จทุกคน และในภาคอุตสหากรรมยังคงต้องใช้จากผู้ปลูกรายใหญ่ที่ควบคุมคุณภาพ และมีปริมาณที่ได้ดีกว่าปลูกตามบ้านเรือน
การขายส่วนของพืช ไม่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายยาเสพติด แต่หากขายเมล็ดพันธุ์ กิ่งพันธุ์ สารสกัด ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ. พันธุ์พืช การขายสารสกัดที่ได้รับอนุญาตให้สกัดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด กรณีสาร THC ไม่เกิน 0.2% ไม่ต้องมีใบอนุญาตจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ แต่ถ้าเป็นสารสกัดที่ THC เกิน 0.2% ต้องมีใบอนุญาตจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ และผู้ซื้อต้องมีใบอนุญาตเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษด้วย การจะทราบว่า สาร THC มีค่าเกิน 0.2% หรือไม่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุ ต้องนำสารสกัดที่ได้ไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการเท่านั้น
ผู้บริหาร Cannabiz Way การเข้าแลปตรวจจะทำให้แยกได้ด้วยว่า เป็นกัญชง หรือ กัญชา เพราะโดยปกติกัญชงจะมีค้า THC น้อยกว่า 1% ส่วนกัญชา หากเป็นสายพันธุ์ไทย ค่า THC จะสูงมาก ตั้งต่ 2- 12% ได้เลยทีเดียว
ภาคธุรกิจมองว่า การปลดล็อคกัญชาในครั้งนี้ของประเทศไทย เปินการเปิดโอกาสทางธุรกิจจริงๆและกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจได้จริง แต่สำหรับประชาชนรายย่อยข้อควรรู้ในการปลูกกัญชาที่บ้าน ก่อนปลูกกัญชาควรรู้ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อให้ปลูกได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญไม่นำใช้แบบผิดๆ เพราะปัจจุบันเรามีการปลดล็อค แต่ยังไม่มี พ.ร.บ. กัญชง กัญชา ออกมาอย่างเป็นทางการทำให้แนวทางการควบคุมการใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ยังเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงเช่นกัน
ที่มาข้อมูล
https://www.medcannabis.go.th/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธุรกิจคึกคัก แห่พัฒนาสินค้า เมื่อกัญชา กัญชงปลดล็อก
หมาแมวยิ้มหวาน “แชมพูกัญชง” RS รุกตลาด ‘สายเขียวเพื่อสัตว์เลี้ยง’