"วอริกซ์ สปอร์ต" เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาของคนไทย แบรนด์ ‘วอริกซ์’ (WARRIX) ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดย "วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล" ด้วยคอนเซปต์ “Warrior” หรือ “นักรบ” แสดงถึงชัยชนะ ความแข็งแรง ดุดัน และเป็นสุภาพบุรุษ พร้อมมุ่งปรับภาพลักษณ์สินค้าสู่ Lifestyle Brand รองรับแผนกลยุทธ์สู่ธุรกิจ Sport – Health & Lifestyle แบบครบวงจร โดยเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกีฬา สุขภาพ กิจกรรมการผจญภัยท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ต่างๆ เพื่อเป้าหมายพัฒนาแบรนด์ WARRIX สู่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ในปี 2559 หลังดำเนินธุรกิจมาเพียง 3 ปี ‘วอริกซ์’ ประกาศศักดาให้แฟนบอลทั่วประเทศรู้จักด้วยการทุ่มเงินสูง 400 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์วงการกีฬาเมืองไทย เอาชนะการประมูลลิขสิทธิ์ชุดแข่งของทีมฟุตบอลชาติ หรือ 'ทีมช้างศึก' นักเตะทีมชาติไทย เบียดแบรนด์ "แกรนด์สปอร์ต" ที่ครองสิทธิ์นี้มาอย่างยาวนาน
โดยได้เงื่อนไขสัญญา 4 ปีที่ 'ทีมช้างศึก' ต้องใส่ชุดแข่ง WARRIX ระหว่างปี 2560-2563 และในปี 2560 กลับมาอีกครั้งพร้อมกลับทุ่มเงินอีก 400 ล้านบาท เป็นครั้งที่ 2 เพื่อประมูลผู้ผลิตชุดแข่งขันให้กับทีม 'ทีมช้างศึก' และชนะได้สิทธิ์ไปในที่สุด โดยสัญญาครั้งใหม่นี้จะยาวนานถึง 8 ปี โดยอยู่ระหว่างปี 2564-2571
บริษัทเริ่มสร้างแบรนด์ “วอริกซ์” ให้เป็นที่รู้จัก ด้วยกลยุทธ์เป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้าและอุปกรณ์ให้นักกีฬา (License Product) ในการแข่งขันระดับฟุตบอลระดับภูมิภาค จนเป็นที่รู้จักและนิยมอย่างกว้างขวางขึ้น เมื่อได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้ากีฬาทีมชาติไทย โดยที่วอริกซ์ได้รับสิทธิ์เป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันสิ่งที่บริษัทได้จากจากการที่เป็นผู้สนับสนุนกีฬาคือการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) กับผู้บริโภค วอริกซ์ใช้การตลาดในรูปแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับแบรนด์เสื้อผ้าที่นักกีฬาสวมใส่ และการที่ผู้บริโภคเห็นแบรนด์ปรากฎอยู่บนตัวนักกีฬาหรือป้ายสนับสนุนยังเป็นการตอกย้ำและสร้างแบรนด์ให้คนรู้จักในวงกว้างอย่างต่อเนื่องอีกทางหนึ่ง
โดยสามารถสร้างยอดจำหน่ายจากการเป็นผู้สนับสนุนผ่านฐานแฟนคลับโดยเฉพาะฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่มีแฟนคลับอย่างเหนียวแน่น และแฟนคลับเหล่านี้มีพฤติกรรมซื้อเสื้อเชียร์เพื่อใส่ไปเชียร์ฟุตบอลทีมที่ตัวเองชอบในแมตซ์ต่างๆ นอกจากการสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคในประเทศไทยแล้วนั้นวอริกซ์ได้ขยายฐานการรับรู้ของแบรนด์ไปยังต่างประเทศโดยวอริกซ์ได้สิทธิในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายให้กับนักกีฬาทีมชาติต่างประเทศ รวมถึงยังเป็นแบรนด์สัญชาติไทยแบรนด์แรกที่ได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตซอลระดับท็อป 3 ของประเทศญี่ปุ่นคือ “บาร์ดรอล อุรายาสึ” จากเมืองชิบะ
นอกจากเสื้อผ้ากีฬาแล้ว บริษัทมีสินค้าคลาสสิคและสินค้าคอลเลคชั่น (Non – Licensed Product) ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันและปรับเปลี่ยนตามความนิยม (Lifestyle) เพื่อลดการพึ่งพาสินค้าภายใต้สัญญาสนับสนุนซึ่งบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนทั้งในรูปแบบเงินสดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญในการดำเนินงานของบริษัทและสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในการขยายฐานลูกค้าไม่เฉพาะกลุ่มนักกีฬาหรือแฟนกีฬาเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องกีฬาและอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลูกฟุตบอล รองเท้าวิ่ง นาฬิกาแบบสปอร์ต เป็นต้น
'วอริกซ์' เดินหน้าทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องในรูปแบบต่างๆที่กว้างขึ้น โดยได้สร้าง โดยเน้นในเรื่องของ Active & Lifestyle ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุน อีเวนท์กีฬาอื่นๆ เทศกาลดนตรี ขณะเดียวกันยังเพิ่มสินค้าให้หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าทั้งเสื้อโปโลคอลเลคชั่น เสื้อกางเกงวอร์ม สปอร์ตบรา สตรีทแวร์ (Street- wear) รองเท้าแฟชั่น กระเป๋า หมวก หน้ากากผ้า กันฝุ่น อุปกรณ์ออกกำลังกาย อุปกรณ์โยคะ ฯลฯ พร้อมเซ็นสัญญากับสตาร์ทีมชาติไทย ตลอดจนอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายวงการมาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์
(1) สินค้า Licensed Product
1. สินค้าเกี่ยวกับกีฬาทีมชาติ : สินค้าและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทีมชาติ จากการที่บริษัทได้รับสิทธิในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชุดกีฬาของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย
นอกจากนั้นบริษัทยังได้รับสิทธิในการผลิตเครื่องแต่งกายในกีฬาประเภทอื่น และทีมชาติต่างประเทศด้วย
2. สินค้าสโมสรฟุตบอล : ผลิตภัณฑ์และชุดกีฬาจากการที่บริษัทได้ร่วมสนับสนุนทีมระดับสโมสรต่างๆ
3. สินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ : ผลิตภัณฑ์และชุดกีฬาสำหรับองค์กร สถานศึกษารวมถึงเสื้อ และผลิตภัณฑ์สำหรับกิจกรรมต่างๆ
(2) สินค้า Non-Licensed Product
1.สินค้าคอลเลคชั่น (Collection) : สินค้าที่บริษัทออกแบบและผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตามไลฟ์สไตล์ของตน โดยสินค้าคอลเลคชั่นของบริษัทนั้นเป็นสินค้าที่ออกแบบตามความนิยมในช่วงนั้นๆ ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แฟชั่น หรือตามฤดูกาล
2.สินค้าคลาสสิค (Classic) : สินค้าที่ได้รับการออกแบบที่เรียบง่าย คงความนิยม ส่วนใหญ่ได้แก่เสื้อยืดโปโล เสื้อยืด ที่สวมใส่ได้ทุกโอกาส มีให้เลือกซื้อหลายระดับ และใส่ได้ทุกเพศทุกวัย
3. สินค้าทำตามคำสั่ง (Made to Order) : สินค้าที่ผู้สั่งสินค้าใช้ในงานต่างๆที่จัดขึ้น อาทิเช่น เสื้อที่ใช้ในกิจกรรมวิ่งหรือกิจกรรมอื่นๆในประเทศของทั้งภาครัฐและเอกชน
4. สินค้าอื่นๆ : บริษัทได้เพิ่มไลน์สินค้าให้หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้า
มีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายถึง 6 ช่องทาง ได้แก่1) ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ 2) งานโครงการ (Project Base) 3) ช่องทางออนไลน์ 4) ร้านค้าของบริษัทฯ 5) สัญญาสนับสนุนต่างๆ 6) งานจัดรายการสินค้า งานแสดงต่างๆ และการขายอื่นๆ ซึ่งช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายนี้จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีเป้าหมายมุ่งขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์จากนักกีฬาและแฟนกีฬา ไปยังกลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ ทุกเพศทุกวัย
ล่าสุด เดือน มิ.ย. 2565 'วอริกซ์' ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นนที่ที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบไฟลิ่ง ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ หลังการขายไอพีโอ วอริกซ์ ปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 210 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 420 ล้านหุ้น
โดยมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนต่อยอดธุรกิจในโครงการก่อสร้างอาคารคลินิคกายภาพและศูนย์ออกกำลังกาย ถนนพระราม 9 เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและออกกำลังกาย และใช้เป็นสำนักงาน วงเงินประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการต่างๆ
'วอริกซ์' กำหนดนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยว่าสัดส่วน 40% ของกำไรสุทธิ โดยการจ่ายเงินปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงิน แผนการลงทุน และปัจจัยอื่น ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
"วิชา โตมานะ" กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน WARRIX เปิดเผยกับทีมข่าว 'SPOTLIGHT' ว่า หลังจากที่บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขออนุญาตขายไอพีโอ ตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถเปิดขายหุ้นไอพีโอและนำหุ้นวอริกซ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้
ขณะที่รายได้ระหว่างปี 2562-2564 ลดลงต่อเนื่องทุกปีเพราะโดนผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด – 19 และมาตรการของภาครัฐในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้ผู้ซื้อสินค้าลดลงเนื่องจากไม่สามารถรวมกลุ่มและทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ โดยในช่วงต้นปี 2564 บริษัทได้รับผลกระทบจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งทำให้ยอดขายสินค้าของบริษัทที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรมลดลงในปีดังกล่าว
โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน เริ่มมีการผ่อนคลายสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบวดโควิด – 19 ซึ่งทำให้มีการจัดกิจกรรมในที่สาธารณะ การจัดการแข่งขันกีฬาทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เช่น การจัดการแข่งขันฟุตบอลภายประเทศ และการจัดการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งกระตุ้นยอดขายสินค้าของบริษัทอย่างมากทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565
นักลงทุนท่านใดที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลความคืบหน้าในการขายหุ้น IPO ของ WARRIX สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ SPOTLIGHT ที่จะมีการอัพเดตข้อมูลให้ติดตามได้เรื่อยๆ