เมื่อมีรัฐบาลเข้ามาเดินหาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟสแรกที่ให้กลุ่มเปราะบาง และกำลังจะมีเฟส 2 ที่จะให้ผู้สูงอายุด้วยมีข่าวว่าจะแจกเป็นเงินสด 10,000 บาท ที่จะมีการประชุมคณะกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้(19 พ.ย.) ที่มี น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรีเป็นประธาน รวมถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรายธุรกิจ มาตรการแก้หนี้ภาคประชาชน และมาตรการที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ใหักับประชาชนในช่วงปลายนี้นั้น
บทความนี้ SPOT จะพาคุณไปเจาะลึกตัวเลขเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3/2567 ว่าเป็นอย่างไร? ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาจากไหน? และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเป็นอย่างไร? และอะไรที่เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต และเราควรต้องปรับตัวกันอย่างไร?
"สภาพัฒน์" เปิด GDP ไตรมาส 3/67 โต 3% ฟื้นตัวจากลงทุนภาครัฐ +26%
ล่าสุด สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ได้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2567 โดยนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เป็นผู้แถลงข่าว เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 3% โดยรวมเศรษฐกิจไทยใน 9 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวได้ 2.3% ซึ่งคาดว่าทั้งปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ระดับ 2.6%
[จีดีพีไทย ไตรมาส 3/67 ฟื้นจากลงทุนภาครัฐ-ท่องเที่ยว-ส่งออก]
โดยในไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา GDP ไทย เติบโตได้ที่ระดับ 3.0% และเร่งเครื่องจากในไตรมาส 2/2567 ที่ขยายตัวได้ 2.2% นั้น ปัจจัยหลัก มาจากแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการลงทุนภาครัฐ +25.9% ถือเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ทำให้การลงทุนโดยรวม +5.2% จากที่ติดลบติดต่อกันมา 2 ไตรมาสติด การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
ขณะที่การอุปโภคภาครัฐบาล + 6.3% ภาคการผลิตนอกภาคเกษตรเร่งตัวขึ้น ตามการขยายตัวของกลุ่มบริการ โดยเฉพาะสาขาก่อสร้างที่เร่งตัวขึ้น และสาขาที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร และการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทั้งมูลค่า + 8.9% และปริมาณ + 7.5%
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เป็นการขยายตัวที่ลดลง คือ การบริโภคภาคเอกชน + 3.4% ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 โดยในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ +6.9% ไตรมาส 2/67 +4.9% ส่วนการลงทุนภาคเอกชน ติดลบติดกัน 2 ไตรมาส ซึ่งในไตรมาสที่ 3/67 เป็นการติดลบที่ลดลงเหลือ -2.5% จากไตรมาสที่ 2/67 -6.8% ซึ่งสภาพัฒน์ คาดว่า ทั้งปี 2567 การลงทุนภาคเอกชน อยู่ที่ -0.5%
[เศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัวได้ 2.6% ดีขึ้นจากปีก่อน]
ดังนั้น ในปี 2567 เศรษฐกิจไทย คาดว่าจะเติบโตได้ 2.6% ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ 1.9% เงินดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุลที่ 2.5% ของ GDP และอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 0.5%
[ศูนย์วิจัยกสิกรคาดไตรมาส 4/67 GDP ไทยเร่งตัวขึ้น]
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2567 มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น ทำให้คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 เติบโตได้ 2.6% มาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
[ปี 2568 สภาพัฒน์ คาด GDP โต 2.3-3.3%]
สภาพัฒน์ ได้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตได้ที่ระดับ 2.3-3.3% จากการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น +6.5% การขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว รวมถึง การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ +3.0% และการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว +2.8% การส่งออกของไทย +2.6% และะดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.6% ของ GDP
[จับตา 3 ความเสี่ยง]
ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 นั้น ต้องจับตา 3 ปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
[ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ปีหน้าเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น]
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น โดยยังคงต้องติดตามนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรขาเข้าที่อาจส่งผลให้การส่งออกไทยในระยะข้างหน้าเผชิญความท้าทายมากขึ้น
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยคาดว่าจะเผชิญขีดจำกัดในการขยายตัวจากทิศทางเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐคาดว่า จะขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นและเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในปีหน้า ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากทิศทางเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
[แนะภาครัฐ 5 ข้อในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค]
สภาพัฒน์ แนะนำการบริหารนโยบายเศรษฐกจมหภาคในปี 2568 ควรให้ความสำคัญ ดังนี้