Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สรุปมาตรการ Easy E-Receipt 2.0  หวังกระตุ้นเศรษฐกิจปี 68 โตเกิน3%
โดย : พลวัฒน์ รินทะมาตย์

สรุปมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจปี 68 โตเกิน3%

25 ธ.ค. 67
16:50 น.
|
158
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

ครม. อนุมัติหลักการมาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท แบ่งเป็น 30,000 บาทสำหรับใช้จ่ายทั่วไป และ 20,000 บาทสำหรับวิสาหกิจชุมชนและสินค้า OTOP โครงการเริ่ม 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 คาดช่วยเศรษฐกิจขยายตัว 2.3-3.3% และสร้างเงินหมุนเวียน 70,000 ล้านบาท พร้อมส่งเสริมระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ลดรายได้ภาษีรัฐ 10,500 ล้านบาท.

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 ที่ผ่านครม.เมื่อวานนี้ (24ธ.ค.67) มีมาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ให้ประชาชนชอปปิงแล้วใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ด้วย  รายละเอียดของ "Easy E-Receipt 2.0” มีอะไรบ้าง SPOTLIGHT สรุปมาให้ 

วัตถุประสงค์ของมาตรการ Easy E-Receipt 2.0

  1. กระตุ้นการบริโภคในประเทศด้วยการให้สิทธิลดหย่อนภาษี
  2. ส่งเสริมการผลิตและจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น เช่น วิสาหกิจชุมชน สินค้า OTOP และวิสาหกิจเพื่อสังคม
  3. ขยายฐานผู้เสียภาษีให้เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องผ่านการใช้ e-Tax Invoice & e-Receipt

รายละเอียดและเงื่อนไข Easy E-Receipt 2.0
ผู้ที่ได้สิทธิ์ต้องเป็นผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

ได้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้:

  1. ส่วนที่ 1: ลดหย่อนภาษีสำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการทั่วไปจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ขายที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่า  สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
  2. ส่วนที่ 2: ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสำหรับค่าซื้อสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนสินค้า OTOP

- สินค้าหรือบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคม
- สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท

ประเภทซื้อสินค้า/บริการ ที่ผู้ขายไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนจากค่าซื้อสินค้า/บริการที่ระบุ ได้แก่:

  1. หนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร รวมถึง e-Book
  2. สินค้า OTOP ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
  3. สินค้าหรือบริการที่จ่ายให้วิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน

สินค้า/บริการ ที่ไม่เข้าร่วมมาตรการ Easy E-Receipt 2.0

ค่าซื้อสินค้า/บริการต่อไปนี้ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้:

  1. สุรา เบียร์ และไวน์
  2. ยาสูบ
  3. น้ำมัน ก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะ
  4. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  5. ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอินเทอร์เน็ต
  6. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
  7. ค่าบริการนำเที่ยว/ค่าที่พักในโรงแรม

ระยะเวลาดำเนินโครงการ Easy E-Receipt 2.0
มาตรการมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยผู้เสียภาษีต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt เท่านั้น

ผลกระทบทางเศรษฐกิจของ มาตรการ Easy E-Receipt 2.0
กรมสรรพากรคาดว่ามาตรการนี้จะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 1.4 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท ช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2568 เติบโตในช่วง 2.3%-3.3% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคาดว่าจะสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาราว 10,500 ล้านบาท แต่จะได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและการขยายฐานผู้เสียภาษีในระยะยาว

มาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน

ที่มา : ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 24 ธ.ค. 2567

แชร์
สรุปมาตรการ Easy E-Receipt 2.0  หวังกระตุ้นเศรษฐกิจปี 68 โตเกิน3%