จับตา หุ้นแบงก์ Q4/67: กำไร 5.5 หมื่นล้าน ปันผลเด่น SCB-TTB-TISCO-KKP
Highlight
ไฮไลต์
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดการณ์กำไรสุทธิกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 50,000-55,000 ล้านบาท ใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก Q4/66 ที่ 50,405 ล้านบาท แม้มีปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายพิเศษ แต่ทั้งปี 2567 กำไรคาดแตะ 2.34 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8%
คาดการณ์กำไรกลุ่มแบงก์ Q4/67
คอนเทนต์แนะนำ
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 8 แห่งจะอยู่ในช่วง 50,000-55,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 4/66 ที่มีกำไร 50,405 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ธนาคารมักบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ เช่น งบลงทุน แต่ด้วยฐานกำไรที่ต่ำในปีที่แล้ว การเติบโตในครั้งนี้จึงเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q3/67) กำไรอาจลดลงตามปัจจัยฤดูกาลที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับกำไรสุทธิทั้งปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 234,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้จะยังไม่ทั่วถึง
หุ้นกลุ่มปันผลเด่น
ธนาคารที่มีความโดดเด่นด้านการจ่ายปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ย 6% ได้แก่ SCB, TTB, TISCO และ KKP มี Dividend Yield เฉลี่ยอยู่ที่ 6-8% แต่ราคาหุ้นปัจจุบันอาจมี Upside ที่จำกัด
BBL และ KTB ยังคงน่าสนใจจากแนวโน้มสินเชื่อที่ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐและเอกชน ทั้งสองธนาคารมี Coverage Ratio สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในการตั้งสำรองในระดับสูงดังที่ผ่านมาน้อยลง
ในทางกลับกัน KBANK ยังคงเผชิญแรงกดดันจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ต่ำกว่า โดยมี Coverage Ratio อยู่ที่ 139% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 174%
แนวโน้มหนี้เสียและสินเชื่อ
ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นไตรมาส 4/67 คาดว่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยประมาณ 3.8% ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/67 ทั้งนี้ สินเชื่อที่เติบโตจากการลงทุนและการแปลงหนี้ THAI เป็นทุนของ BBL และ KTB จะช่วยประคองระดับ NPL ให้ทรงตัว
กลยุทธ์การลงทุน
นักลงทุนที่มองหาหุ้นปันผลสูง อาจเลือก SCB, TTB, TISCO และ KKP ในระยะสั้นเพื่อผลตอบแทนจากเงินปันผลที่โดดเด่น แต่สำหรับผู้ที่ต้องการ Upside ในระยะยาว หุ้นอย่าง BBL และ KTB ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อและความเสี่ยงจากหนี้เสียที่ต่ำกว่า ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงในตลาดและแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
