ทีมกู้ภัยอิสราเอลลุยหาผู้รอดชีวิตตึก สตง. ชมทีมบัญชาการไทยมีภาวะผู้นำ
ทีมเอเวนเจอร์สอิสราเอล กู้ภัยพิบัติทั่วโลก เพียงไม่กี่นาทีหลังหัวหน้าทีมกู้ภัยจากอิสราเอลทราบข่าวแผ่นดินไหวรุนแรงขนาน 7.7 ที่เกิดขึ้นในเมียนมาและไทย ก็ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเตรียมความพร้อมเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนจะมีสายโทรศัพท์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลด้วยซ้ำ เนื่องจาก “หน่วยกู้ภัยแห่งชาติอิสราเอล” ซึ่งอยู่ภายใต้ กองทัพป้องกันอิสราเอลหรือ IDF ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเร่งช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติ-เหตุฉุกเฉินทั่วโลก จึงเป็นการค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์อันโชกโชน นับเป็นหนึ่งในทีมเอเวนเจอร์สของอิราเอล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทีมกู้ภัยอิสราเอลทั้ง 22 ชีวิต ประกอบด้วยวิศวกร แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญ บินตรงถึงกรุงเทพมหานคร ผ่านการประสานงานระหว่างสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ส่วนใหญ่เดินทางถึงไทยตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา และสมาชิกคนสุดท้ายของทีมเดินทางถึงวันจันทร์ เนื่องไฟลท์บินตรงมาไทยเต็มเกือบทุกสายการบิน ด้วยความนิยมท่องเที่ยวไทยของชาวอิสราเอล แต่เมื่อเท้าเหยียบแผ่นดินไทย ทุกคนก็เร่งเดินหน้าลุยเข้าพื้นที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ถล่มลงมาทันที ด้วยหลักการ “ทุกวินาทีมีความหวังสำหรับผู้รอดชีวิต”
ทีมกู้ภัยก็ได้ทำงานร่วมกับหน่วยบังคับบัญชาการท้องถิ่น รวมถึงกู้ภัยจากญี่ปุ่น สหรัฐฯ และองค์กรระหว่างประเทศในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันนี้ (3 เมษายน 68) นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมสัมภาษณ์และฟังประสบการณ์ให้ความช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว โดยมีพันเอกวาย (นามสมมติเพื่อความปลอดภัยทางการทหาร) หัวหน้าทีมกู้ภัย ผู้บัญชาการหน่วยค้นหาและกู้ภัยสำรองแห่งชาติของกองทัพอิสราเอล ปลีกเวลาจากจุดเกิดเหตุย่านจตุจักร เพื่อตอบหลายคำถามที่ประชาชนสงสัย
“ตึกสูงระฟ้าถล่ม เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก”
พันเอกวายเปิดเผยว่า เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเกิดขึ้นทั่วโลกก็จริง และทีมกู้ภัยชุดนี้ก็เคยผ่านการเร่งช่วยชีวิตเหยื่อแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในตุรกีมาแล้ว พร้อมนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาใช้กับภัยพิบัติครั้งนี้ แต่ต้องยอมรับว่า “ตึกสูงระฟ้าถล่มแบบนี้ ไมใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก” ซึ่งภัยพิบัติในแต่ละครั้งจะมีความยากและความท้าทายที่แตกต่างกันออกไป
โดยปกติแล้ว เหตุแผ่นดินไหวจนทำให้อาคารถล่มเสียหาย มักเกิดขึ้นกับตึกเล็ก ๆ หรือบ้าน และอาคารที่ไม่ได้สูงเสียดฟ้า ดังนั้น การมองภาพรวมเพื่อระบุพิกัด สามารถทำได้ง่ายด้วยปากคำของผู้คนที่เคยเข้าไปในอาคารนั้น เพื่อให้ข้อมูลว่าแต่ละชั้นมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ผู้คนที่ติดอยู่น่าจะอยู่ส่วนใดของอาคาร แต่สำหรับเหตุ สตง. ถล่ม ความยากอยู่ที่ “กองภูเขาแท่งปูนและเหล็ก” ซึ่งเป็นอาคาร 30 กว่าชั้นที่ถล่มทับถมกันลงมานั้น แต่ละชั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมายเท่าใดนัก และระบุพิกัดได้ยากกว่า
นอกจากนี้ ทีมกู้ภัยฯ ประเมินเบื้องต้นแล้ว กองภูเขาขนาดมหึมามีน้ำหนักมากถึง 75,000 ตัน ดังนั้น การช่วยชีวิตผู้คนที่ติดอยู่ในซากตึกถล่ม จึงต้องปฏิบัติการอย่างมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ หลังจากประชุมแบ่งงานกับหลากหลายทีมแล้ว หน้าที่สำคัญของทีมอิสราเอลมี 2 ประการหลัก ได้แก่ 1. ปฏิบัติการระบุพิกัดหรือตำแหน่งของเหยื่อที่ติดใต้ซากอาคาร ด้วยประสบการณ์ของกู้ภัยและเครื่องมือเทคโนโลยีทันสมัย และ 2. ให้คำปรึกษาทีมบัญชาการในการตัดสินใจเรื่องสำคัญระหว่างปฏิบัติการกู้ภัย
“เทคโนโลยีสุดล้ำ” ไม่ได้มีไว้แค่จับสัญญาณชีพ
นอกจากทีมเอเวนเจอร์สจะระดมสมอง ลงมือ-ลงแรงมุ่งหน้าค้นหาสัญญาณชีพอย่างเต็มที่แล้ว พวกเขายังนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาช่วยสแกนสัญญาณชีพผู้รอดชีวิต เพื่อให้การทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันนี้ (3 เมษายน 68) ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุตึก สตง. แห่งใหม่ถล่มอยู่ที่ 15 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ยังคงสูญหาย 72 ราย และเสียงของผู้รอดชีวิต ตอบรับกลับมายังทีมค้นหา ด้วยการเคาะ 3 ครั้ง เป็นอีกหนึ่งความหวังที่ทำให้ทีมกู้ภัยทั้งหมด เดินหน้าทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่ใช่เพียงเทคโนโลยีเครื่องค้นหาสัญญาณชีพเท่านั้น ที่เป็นประโยชน์กับคนไทยเป็นอย่างยิ่ง ทีมวิศวกรอิสราเอลที่เดินทางมาไทยส่วนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วมีทีมหลังบ้านเป็นทัพหลัง นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ใส่ข้อมูลในโปรแกรมล้ำสมัย เพื่อสร้าง “ภาพข่าวกรอง” ขึ้นมาให้กับทีมหน้างานเช่นกัน พวกเขาได้นำแบบของอาคาร สตง. ก่อนที่จะถล่มมาไว้ในโปรแกรมนี้ และจำลองภาพขณะที่อาคารถล่ม เพื่อศึกษาทิศทางที่ชิ้นส่วนว่าอาคารพังทลายลงมาแบบใด เทคโนโลยี้นี้จะสร้างข้อมูลล้ำค่า ทำให้ไทยสามารถศึกษาและตรวจสอบ เพื่อป้องกันเหตุแบบเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แม้เป็นงานยาก แต่ฝากชมหน่วยบัญชาการไทย
เมื่อถามพันเอกวายเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับทีมกู้ภัยไทยและทีมนานาชาติเป็นอย่างไรบ้าง เขาเปิดเผยว่าค่อนข้างประทับใจ จากประสบการณ์ที่เคยทำงานจัดการภัยพิบัติกับหลายประเทศ ศูนย์บัญชาการที่ตัดสินใจในปฏิบัติการกู้ภัยทำงานได้ดี มีภาวะผู้นำสูงและสื่อสารได้ชัดเจน ทีมกู้ภัยอิสราเอลสามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยบัญชาการได้ 24 ชั่วโมงและทำงานสนับสนุนกันได้อย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้ นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ก็นำทีมกู้ภัยอิสราเอลลงพื้นที่บริเวณตึกถล่มเพื่ออธิบายถึงภาพรวมก่อนจะปฏิบัติการกู้ภัยร่วมกัน ด้านทูตอิสราเอลกล่าวว่า ขณะที่ลงพื้นที่ ได้เห็นว่านายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรอยู่ที่นั่น ท่านผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ด้วยเช่นกัน ที่พยายามนำทุกภาคส่วนมาร่วมมือกัน ซึ่งทำให้เกิดความประทับใจ และมองว่าเป็นการทำงานร่วมกันที่ยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากทั้งทีมยังมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ต้องค้นหาผู้รอดชีวิตให้เร็วที่สุดเท่านั้น ซึ่งทุกคนทำงานอย่างมีความหวัง
