นับตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมจนถึงตอนนี้ ไฟป่ายังคงลุกลามและทำลายล้างนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์นี้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 27 ราย บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 12,300 หลังถูกทำลาย คิดเป็นพื้นที่ความเสียหายรวม 95 ล้านตารางเมตร และจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าไว้ได้
AccuWeather สื่อพยากรณ์อากาศของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าความเสียหายจากไฟป่าในครั้งนี้ อาจพุ่งสูงถึง 250,000 - 275,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 8.75 - 9.62 ล้านบาท) ซึ่งตัวเลขนี้จะทำให้เหตุการณ์ไฟไหม้ป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย กลายเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ แซงหน้าพายุเฮอริเคนแคทรีนา เมื่อปี 2005
นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่มีการทำประกันภัยเอาไว้อาจมีมูลค่าที่ต้องชดเชยสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 700,000 ล้านบาท) และนี่อาจเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการคุ้มครองจากการประกันภัยสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าเหตุการณ์ไฟป่าที่เผาผลาญรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2018 ที่มีมูลค่าที่ต้องชดเชย 12,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 446,600 ล้านบาท)
แม้ว่ามูลค่าที่ต้องชดเชยอาจสูงเป็นประวัติการณ์ แต่บ้านเรือนหลายหลังในรัฐแคลิฟอร์เนียก็ไม่มีประกันภัยคุ้มครอง เนื่องจากกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียที่ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 1988 คือ Insurance Rate Reduction and Reform Act (Proposition 103) ที่วางกรอบให้บริษัทประกันภัยต้องรับประกันในอัตราเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าราคาตลาด เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ตั้งแต่ปี 2023 บริษัทประกันภัยทยอยปฏิเสธการรับลูกค้าใหม่ และไม่ต่อประกันภัยกับลูกค้าเดิม เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงเกินกว่าที่บริษัทจะยอมรับไหว
อย่างไรก็ตาม บริษัทประกันภัยอย่าง State Farm Insurance และ Allstate Insurance พยายามเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายนี้มาตลอด แต่ฝั่งที่สนับสนุนกฎหมายดังกล่าวให้เหตุผลว่า บริษัทประกันภัยแค่ต้องการหาข้ออ้างในการทำกำไรมากขึ้นเท่านั้น
เพื่อแก้ไขปัญหาบริษัทประกันภัยปฏิเสธลูกค้า รัฐบาลท้องถิ่นของแคลิฟอร์เนียได้จัดทำแผนประกันภัยชื่อว่า “California FAIR” ขึ้นมา ซึ่งเดิมแผนนี้คือทางเลือกสุดท้ายของผู้ที่อยากทำประกันอัคคีภัยสำหรับบ้านของตัวเอง เนื่องจากมีอัตราเบี้ยประกันที่สูงกว่าประกันอัคคีภัยทั่วไป และให้ความคุ้มครองเพียง 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น (ประมาณ 105 ล้านบาท) แต่อย่างน้อยก็เป็นแผนประกันภัยที่เชื่อถือได้ และดีกว่าการไม่มีประกันอัคคีภัยเลย
ปัจจุบัน การที่บริษัทประกันภัยปฏิเสธลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้แผนประกันภัย California FAIR ซึ่งควรจะเป็นแค่มาตรการแก้ไขปัญหาชั่วคราว กลายเป็นเสาหลักที่ประชาชนพึ่งพิง สะท้อนจากจำนวนแผนประกันภัยกว่า 452,000 ฉบับ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2020 - 2024
การทำให้บริษัทประกันภัยกลับมาคุ้มครองประชาชนอีกครั้ง คือความท้าทายของรัฐบาลท้องถิ่นของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งการแก้ไขกฎหมาย Proposition 103 ให้พวกเขาเพิ่มอัตราเบี้ยประกันได้อาจเป็นคำตอบ เนื่องจากนักวิชาการคาดว่าเหตุการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอีกในปีต่อ ๆ ไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของภัยธรรมชาติดังกล่าว
อ้างอิง: Al Jazeera, AP News