PM2.5 สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้กรุงเทพฯ 4.4 แสนล้านต่อปี

PM 2.5 มัจจุราชเงียบ สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้กรุงเทพฯ 4.4 แสนล้านต่อปี

คอนเทนต์แนะนำ

ทลายเครือข่ายขบวนการค้าขาย ลิงอุรังอุตัง แพนด้าแดง สัตว์ป่าหายาก

อ่วมอีก! “บอสพอล-สามารถ” ดีเอสไอ แจ้งข้อหาถึงในเรือนจำ

วันแรก! คิกออฟสมรสเท่าเทียม คู่รักจูงมือเข้าจดทะเบียน 1,754 คู่

นิตยสาร Time Out รายงานผลการจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกปี 2025 "กรุงเทพมหานคร" คว้าอันดับ 2 เมืองหลวงที่ดีที่สุดของโลก จาก 50 เมือง มาครอบครอง แต่การจัดอันดับดังกล่าวอาจไม่ได้วัดกันที่ “คุณภาพอากาศ” เพราะกรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี 

จากรายงานของ ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 เวลา 09:00 น. พบปริมาณฝุ่นละอองในหลายพื้นที่ของประเทศเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่บางพื้นที่อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) 

รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า มลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชากรในเขตเมืองและชนบททั่วโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควรสูงถึง 4.2 ล้านคนในปี 2559 โดยร้อยละ 92 ของผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรนี้อยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุด ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคนี้ ที่เผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา แต่จำนวนงานวิจัยยังถือว่ามีอยู่อย่างจำกัดเมื่อเทียบกับความรุนแรงของปัญหา

จากงานวิจัยของ รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช รองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า ในกรุงเทพฯ มูลค่าต้นทุนความเสียหายทางเศรษฐศาสตร์จากฝุ่น (PM10, PM2.5 , CO, NOx, NO2) ของกรุงเทพฯ จะมีมูลค่าสูงถึง 446,023 ล้านบาท/ปี

แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีงานศึกษาที่ครอบคลุมทั่วประเทศเกี่ยวกับการประเมินต้นทุนความเสียหายทางเศรษฐศาสตร์จากฝุ่น PM2.5 แต่ข้อมูลจากรายงานของ World Bank และ Institute for Health Metrics and Evaluation (2016) ชี้ให้เห็นว่ามลพิษทางอากาศในประเทศไทยส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพและเศรษฐกิจ โดยในปี 2533 มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากมลพิษทางอากาศจำนวน 31,173 คน แต่ในปี 2556 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 48,819 คน นอกจากนี้ ต้นทุนความเสียหายทางเศรษฐศาสตร์ที่เกิดจากมลพิษทางอากาศยังสูงถึง 210,603 ล้านบาทในปี 2533 และเพิ่มขึ้นเป็น 871,300 ล้านบาทในปี 2556 (เมื่อปรับมูลค่าเป็นปี 2561)

งานวิจัยดังกล่าวยังใช้แบบจำลองในการประมาณมูลค่าความเต็มใจที่จะจ่ายของครัวเรือนในระดับจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ โดยอ้างอิงจากรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่อปีที่รายงานโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ในทุก ๆ การเพิ่มขึ้นของฝุ่น PM10 ที่เกินระดับปลอดภัย 1 µg/m³ ครัวเรือนในแต่ละจังหวัดยินดีจ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าว ดังนี้:

จังหวัดนนทบุรี: 3,458 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดชลบุรี: 3,456 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดปทุมธานี: 3,081 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดนครราชสีมา: 2,939 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดสมุทรปราการ: 2,386 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดสุราษฎร์ธานี: 2,338 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดเชียงใหม่: 1,890 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดนครศรีธรรมราช: 1,855 ล้านบาทต่อปี

จังหวัดอุบลราชธานี: 1,807 ล้านบาทต่อปี

ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์ที่เกิดจากมลพิษทางอากาศในประเทศไทย และความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพื่อลดมลพิษอย่างเร่งด่วนในระดับนโยบาย

มลพิษทางอากาศในประเทศไทยยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมน้อยลง การใช้มาตรการแก้ไขปัญหาที่ขาดการศึกษาวิจัย และการขาดหน่วยงานที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน ประเทศไทยต้องเร่งดำเนินมาตรการที่รอบด้าน ทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติ เพื่อแก้ไขวิกฤตสุขภาพของคนไทยในรวมไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ที่มา : www.pier.or.th