ธุรกิจไทยปี 2567 ปิดกิจการทะลุ 23,000 ราย จดทะเบียนใหม่ทำสถิติสูงสุด

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยข้อมูลปี 2567 มีสถานการณ์ธุรกิจที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในประเด็นการปิดกิจการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 67 จำนวนธุรกิจที่เลิกกิจการสูงถึง 23,679 ราย เพิ่มขึ้น 299 ราย หรือคิดเป็น 1.28% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีการปิดกิจการ 23,380 ราย นับว่าเป็นจำนวนที่สูงมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

คอนเทนต์แนะนำ

นายกฯ เผยจีนส่งผู้ช่วยรมต.มั่นคง ร่วมสางแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เที่ยวไทยทั้งปี เริ่มต้นความสนุก กับเทศกาลดนตรีระดับโลก ‘Circoloco’

นายกฯ จ่อผุดรายการ "โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร"

ธุรกิจที่เลิกกิจการมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่

1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 2,146 ราย คิดเป็นทุนจดทะเบียน 4,761 ล้านบาท
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,238 ราย ทุนจดทะเบียน 16,885 ล้านบาท
3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 805 ราย ทุนจดทะเบียน 1,994 ล้านบาท

ขณะที่ในเดือนธันวาคม 2567 เพียงเดือนเดียว มีธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ 6,065 ราย เพิ่มขึ้น 543 รายจากเดือนเดียวกันในปี 2566 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 9.83% โดยทุนจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับการปิดกิจการในเดือนนี้มีมูลค่า 35,102 ล้านบาท

ธุรกิจตั้งใหม่ปี 2567 พุ่งสูงสุดประวัติการณ์ คาดปี 2568 สร้างสถิติใหม่ เงินลงทุนต่างชาติทะลุ 2.28 แสนล้านบาท

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยข้อมูลปี 2567 พบยอดจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่สูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 87,596 ราย เพิ่มขึ้น 2.69% จากปี 2566 พร้อมคาดการณ์ตัวเลขปี 2568 จะแตะระดับ 90,000-95,000 ราย หรือเพิ่มขึ้นอีก 2-4% ท่ามกลางความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ตัวเลขเด่นในปี 2567

• จำนวนธุรกิจใหม่ เดือนธันวาคม 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 4,377 ราย เพิ่มขึ้น 9.18% จากปีก่อนหน้า รวมมูลค่าทุนจดทะเบียน 22,895 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เช่น บริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด ทุนจดทะเบียน 8,390 ล้านบาท
• ธุรกิจใหม่ยอดนิยม ได้แก่ 1) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 329 ราย ทุนจดทะเบียน 1,349 ล้านบาท 2) ธุรกิจก่อสร้างอาคาร 309 ราย ทุนจดทะเบียน 650 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจวิทยุกระจายเสียง 226 ราย ทุนจดทะเบียน 108 ล้านบาท

การลงทุนต่างชาติปี 2567
ปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยจำนวน 954 ราย เพิ่มขึ้น 43% จากปี 2566 พร้อมเม็ดเงินลงทุนรวม 228,106 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 35.2% จากปี 2566 ที่มีการลงทุนรวม 168,758 ล้านบาท โดย 5 ประเทศที่มีการลงทุนสูงสุด ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 254 ราย เงินลงทุน 121,190 ล้านบาท คิดเป็น 53.1% ของเงินลงทุนต่างชาติทั้งหมด
2. สิงคโปร์ 137 ราย เงินลงทุน 22,485 ล้านบาท คิดเป็น 9.9% ของเงินลงทุนต่างชาติทั้งหมด
3. จีน 123 ราย เงินลงทุน 19,547 ล้านบาท คิดเป็น 8.6% ของเงินลงทุนต่างชาติทั้งหมด
4. สหรัฐอเมริกา 121 ราย เงินลงทุน 24,675 ล้านบาท คิดเป็น 10.8% ของเงินลงทุนต่างชาติทั้งหมด
5. ฮ่องกง 69 ราย เงินลงทุน 15,281 ล้านบาท คิดเป็น 6.7% ของเงินลงทุนต่างชาติทั้งหมด

ในด้านกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการลงทุนสูงสุด ได้แก่

• อุตสาหกรรมการผลิต มีเงินลงทุน 98,643 ล้านบาท คิดเป็น 43.2% ของเงินลงทุนทั้งหมด
• ธุรกิจบริการ มีเงินลงทุน 74,265 ล้านบาท คิดเป็น 32.6% ของเงินลงทุนทั้งหมด
• ธุรกิจพลังงาน มีเงินลงทุน 30,612 ล้านบาท คิดเป็น 13.4% ของเงินลงทุนทั้งหมด

พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีความสนใจจากนักลงทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 มีการลงทุน 301 ราย มูลค่า 56,490 ล้านบาท คิดเป็น 24.8% ของการลงทุนต่างชาติทั้งหมดในปีนี้

10 ธุรกิจดาวเด่นปี 2568
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประเมินกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในปี 2568 ได้แก่

1. การท่องเที่ยวและกิจกรรมครอบครัว
2. Health & Wellness
3. ธุรกิจสัตว์เลี้ยง
4. ธุรกิจสายมูเตลู
5. ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์
6. ธุรกิจจัดการขยะและรีไซเคิล
7. ธุรกิจบริการจัดงานอีเวนต์
8. ธุรกิจบริการทางการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
9. ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
10. ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐานในไทยส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ เดินหน้าด้วยความมั่นคงและยั่งยืน ขณะที่ความท้าทายจากความขัดแย้งทางเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองในปี 2568

ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า