เซี่ยงไฮ้ปั้นเมืองท่องเที่ยว หวังดึงต่างชาติฟื้นฟูเศรษฐกิจซบเซา
ทุ่มสร้างสวนสนุกยักษ์ เอาใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ตัวการ์ตูนเจ้าหมูสีชมพูครอบครัวของ Peppa Pig เป็นที่ชื่นชอบของเด็กก่อนวัยเรียนทั่วโลก รวมทั้งเด็ก ๆ ในจีนด้วย แม้จะมีการจำกัดฉายการ์ตูนเรื่องนี้โดยรัฐบาล เพราะมีที่มาจากประเทศตะวันตกอย่างอังกฤษ แต่ความฮอตฮิตของแอนิเมขั่นเรื่องนี้ ทำให้เซี่ยงไฮ้อนุญาตให้สร้างสวนสนุกกลางแจ้ง Peppa Pig แห่งแรกของเอเชียและใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมเปิดให้บริการในปี 2027
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประธานบริษัท Max-Matching Entertainments ผู้ลงทุนของจีนเปิดเผยว่า สวนสนุกแห่งนี้มีงบประมาณการลงทุนสูงถึง 2,400 ล้านหยวน หรือราว 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ราว 20 เฮกตาร์ หรือ 200,000 ตารางเมตรบนบนเกาะฉางซิง ในเขตชงหมิงของเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางเหนือประมาณ 90 กิโลเมตร ซึ่งจะออกแบบสวนสนุกด้วยความสร้างสรรค์และทันสมัย และเติมเต็มเครื่องเล่นหลากหลาย การแสดงที่ดื่มด่ำ และโรงแรมน่าพัก เอาใจนักท่องเที่ยวชาวจีนและต่างชาติ
ช่าย เสี่ยวเฟิน รองผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเกาะฉางซิงกล่าวว่า สวนสนุกกลางแจ้ง Peppa Pig จะช่วยยกระดับเซี่ยงไฮ้ให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลกและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมือง จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้มหานครแห่งนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังส่งผลดีต่อโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมโดยรวม
สวนสนุกขนาดยักษ์ตามธีมที่เด็ก ๆ และครอบครัวจากทั่วโลกชื่นชอบ ไม่ใช่เมกะโปรเจกต์เดียว ที่เซี่ยงไฮ้ใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างแดน รัฐบาลยังเตรียมจัดเมกะอีเวนต์ระดับโลก ทั้งคอนเสิร์ต การแสดง กีฬา และมหกรรมหลากหลาย หวังผลักดันตัวเองเป็นประตูสู่การท่องเที่ยวขาเข้าอันดับหนึ่งในประเทศจีน ศจีน และเพื่อยกระดับสถานะของเซี่ยงไฮ้บนเวทีการท่องเที่ยวระดับโลก ตามแผนพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของเซี่ยงไฮ้ระยะ 3 ปี
แผนกระตุ้นท่องเที่ยว 3 ปี เน้นดึงต่างชาติเยือนจีน
แผนงานกระตุ้นการท่องเที่ยวของเซี่ยงไฮ้ระยะ 3 ปี เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2025 และคาดว่าโครงการต่าง ๆ ตามแผนจะแล้วเสร็จภายในปี 2027 โดยแผนดังกล่าวจะมุ่งพัฒนาคุณภาพบริการด้านการท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ และเพิ่มการเข้าถึงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โครงการหลักคือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เช่น สวนสนุก รีสอร์ทท่องเที่ยวทางเรือระดับนานาชาติ และศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ การพัฒนาเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีชีวิตชีวาซึ่งผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 300 ล้านคนต่อปีอย่างต่อเนื่อง โดยวันหยุดตรุษจีนปี 2025 เพียงวันเดียวมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากถึง 17.78 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.08% จากตรุษจีนในปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในปี 2024 เซี่ยงไฮ้ต้อนรับเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 6.7 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 84% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การเติบโตที่สูงของการท่องเที่ยวนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากการผ่อนปรนนโยบายวีซ่าของจีน ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นและส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้
ธีโอดอร์ คูเมลิส ผู้ก่อตั้งร่วมและบรรณาธิการบริหาร TravelDairyNews เว็บไซต์เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวในเอเชีย เขียนถึงเซี่ยงไฮ้ว่า มหานครแห่งนี้ กำลังจะกลายเป็นต้นแบบของความเป็นเลิศด้านการท่องเที่ยว โดยผสมผสานเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์เข้ากับความหรูหราสมัยใหม่เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับนักเดินทางทั่วโลก แผนริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่มุ่งกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังมุ่งสร้างตำแหน่งให้เซี่ยงไฮ้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวระดับนานาชาติอีกด้วย
สำหรับโครงการเมกะโปรเจกต์อื่น ๆ ที่น่าสนใจได้แก่ การปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำหวงผู่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ การจัดงานเทศกาลศิลปะและดนตรีนานาชาติสำหรับนักท่องเที่ยวสายวัฒนธรรม การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับโล การปั้นตลาดคริสมาสต์เคอร์รีพาร์คไซด์ และ ตลาดคริสต์มาสมอลเลอร์วิลลา เป็นต้น รวมถึง ส่งเสริม "การท่องเที่ยวสีแดง" (Red Tourism) เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมกิจกรรมยามค่ำคืนที่หลากหลาย เช่น การแสดงแสงสีเสียง การแสดงดนตรี และตลาดกลางคืน
เดินหน้าพร้อมแผนกระตุ้นการบริโภค พยุงเศรษฐกิจจีน
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว เดินหน้าพร้อมกับแผนปฏิบัติการพิเศษเพื่อกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรัฐบาลจีนเพิ่งจะประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 มี.ค. 68) โดยเน้นผลักดันการบริโภคภายในประเทศในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เนื่องจากปัจจุบันจีนกำลังเผชิญกับภาวะผู้บริโภคที่ซบเซา โดยดัชนี CPI ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี และดัชนี PPI อยู่ในแดนลบตั้งแต่กันยายนปี 2022
มาตรการกระตุ้นตลาดบริโภคภายในประเทศ เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง ส่งมอบรายงานประจำปีเกี่ยวกับงานของรัฐบาล โดยระบุว่า การกระตุ้นการบริโภคเป็นภารกิจสำคัญที่สุดในปีนี้ โดยแผนดังกล่าวยังเรียกร้องให้มีการสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวขาเข้าและภายในประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่น้ำแข็งและหิมะในประเทศจีนจะมีเทศกาลน้ำแข็งและหิมะนานาชาติฮาร์บิน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการประกวดประติมากรรมน้ำแข็ง หรือเมืองจี๋หลิน ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของ "ทะเลหมอกน้ำแข็ง" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงาม รัฐบาลจีนสนับสนุนให้พื้นที่เหล่านี้ ถูกพัฒนาเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวฤดูหนาวที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
นอกจากนี้ จีนกำลังดำเนินการอย่างแข็งขัน เพื่อให้ผู้เดินทางจากต่างประเทศสามารถเดินทางเยือนประเทศต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยขยายข้อตกลงการยกเว้นวีซ่าฝ่ายเดียวและปรับปรุงนโยบายการเข้าประเทศในภูมิภาคให้เหมาะสมที่สุด ภายในไม่กี่ปีต่อจากนี้ เราอาจได้เห็นเมืองท่องเที่ยวของจีนที่เปิดรับต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ปลดล็อกวีซ่าให้คนไทยตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม ปี 2024 คนไทยก็สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า เช่นเดียวกับสิงคโปร์และเกาหลีใต้
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มรับฟังความคิดเห็นทางสังคม Zanroo เผยให้เห็นว่าชาวเน็ตไทยมีส่วนร่วมกับเนื้อหาการท่องเที่ยวจีนมากถึง 1,800 ล้านครั้ง นับตั้งแต่นโยบายยกเว้นวีซ่ามีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ด้านAgoda Tourism แพลตฟอร์มดิจิทัลเผย“เซี่ยงไฮ้”ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยนโยบายไม่ต้องขอวีซ่า ทำให้การเดินทางไปจีนเป็นเรื่องง่ายขึ้น
