นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตหรือเงินดิจิทัล 10,000 บาทถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลแต่จนถึงวันนี้ยังคงอลเวงแบบไม่มีคำตอบว่าประชาชนจะได้เงินดิจิทัล10,000บาทเมื่อไหร่ ? หลังจากที่มีความเห็นต่างจากหลายฝ่ายขณะที่คณะกรรมการที่ทำงานเรื่องนี้ก็มักมีข่าวเลื่อนประชุมอยู่บ่อยครั้ง
จนล่าสุดวันนี้ รมช.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ออกมายืนยันว่า รัฐบาลยังเดินหน้าต่อแต่ยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัดว่านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทจะได้ใช้จริงเมื่อไหร่? แต่ทีแน่ๆอาจไม่ทันตามไทม์ไลน์ เดือน พ.ค.นี้ และได้ระบุถึงความจำเป็นของเศรษฐกิจประเทศไทยที่ควรมีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตโดยรัฐบาลเห็นต้องการนำนโยบายนี้มาใช้ให้ได้
"วิกฤตินี้ไม่ใช่เรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็นวิกฤติการเห็นอกเห็นใจพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ Democracy without empathy คือ ทุนนิยมที่ไม่มีหัวใจจะไปเข้าใจผู้ที่เดือดร้อน มันแสดงให้เห็นมาตลอดว่าล้มเหลว รัฐบาลชุดปัจจุบันเราเดินทางไปทั่วประเทศ เราเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เราไม่ได้ทำงานในห้องแอร์ วันนี้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่"
การชี้แจงในครั้งนี้ของรมช.คลังเพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังเต็มไปด้วยอุปสรรคโดยเฉพาะความเห็นที่ขัดแย้งของหลายฝ่ายๆที่ไม่ตรงกับรัฐบาล ล่าสุดคือข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่สามารถทำนโยบายนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่ได้คิดล้มเลิกนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนี้ แต่จะรอให้ป.ป.ช.ส่งหนังสือรายงานข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มายังรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน และจะเชิญคณะกรรมการนโยบายเงินดิจิทัลฯ มาประชุมเพื่อนำความเห็นของ ป.ป.ช. กฤษฎีกามาพิจารณาในคราวเดียวกัน แล้วจึงจะได้เริ่มกระบวนการในการฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจหน่วยงานหรือองค์กรใด ๆ ที่ยังไม่เห็นเจตนาดีที่รัฐบาลพยายามจะทำ ยังมองไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน เราก็ต้องสื่อสารให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันและเดินหน้านโยบายนี้ให้ได้ในที่สุด
ดังนั้นจึงทำให้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตอาจยังไม่สามารถใช้ได้ทันในเดือน พ.ค.นี้ และขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีแผนสำรองหากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ไปต่อ
สำหรับเฟซบ๊กของนายจุลพันธ์ มีการโพสชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้..ผมได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องนโยบายดิจิตัลวอลเล็ต ดังนี้ครับ
นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิตัลวอลเล็ต เป็นนโยบายที่ได้รับการรับรองจากประชาชน ผ่านการเลือกตั้ง และได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว แต่มีบางองค์กรมีข้อคิดเห็นแตกต่าง เพราะอาจยังไม่เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะทํา อาจยังมองไม่เห็นวิกฤตทางเศรษฐกิจในขณะนี้ ที่ไม่ใช่เพียงแค่วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ แต่เป็นวิกฤตการณ์ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชน
หนังสือของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นคําตอบเชิงกฎหมาย ไม่ได้ห้ามการดำเนินการนโยบาย และไม่ได้สั่งการให้เดินหน้า ซึ่งทางคณะกรรมการนโยบายฯ มีหน้าที่รับฟังแล้วนําไปปฏิบัติตาม เพื่อให้เข้าสู่กรอบของกฎหมายได้ในที่สุด รัฐบาลยังคงต้องรับฟังข้อคิดเห็นของหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงประชาชน คณะกรรมการนโยบายฯ เปิดรับความคิดเห็นอย่างหลากหลาย และที่ผ่านมาเราไม่เคยพูดว่าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์
ขั้นตอนต่อจากนี้เราต้องรอทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือมายังเราอย่างเป็นทางการ แล้วจะประชุมเพื่อที่จะนําเอาความเห็นของทาง ป.ป.ช. และหนังสือของคณะกรรมการกฤษฎีกามาพิจารณาในคราวเดียวกัน แล้วจึงเริ่มกระบวนการที่จะทําความเข้าใจระหว่างหน่วยงานใดๆ ก็ตามที่ยังไม่เห็นถึงเจตนาดีของรัฐบาล ยังมองไม่เห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เราจะต้องสื่อสารจนทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันแล้วก็เดินหน้านโยบายนี้ให้ได้ในที่สุด
รัฐบาลไม่ได้มองเศรษฐศาสตร์เป็นเพียงแบบเรียน แต่มองเศรษฐศาสตร์ในมิติของความเป็นจริง ในมิติของชีวิตของพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน ภาวะของเศรษฐกิจมีความไหลลื่น ฉะนั้น เราจึงต้องชี้ทุกหน่วยงานให้เห็นข้อมูลปัจจุบัน สถานการณ์เศรษฐกิจตามจริง ความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดขึ้นจริง นําเสนอต่อสังคมและนําเสนอต่อหน่วยงานเหล่านั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นอนุบาลทางการเมือง เรามีหน้าที่ในการดำเนินการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมายและได้รับความยอมรับจากทุกภาคส่วน เพื่อการแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชน นี่เป็นสิ่งที่เรายึดเป็นธงหลักและเราจะต้องทําให้สําเร็จ
ทีมรัฐบาลได้เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อพบพี่น้องประชาชน และได้เห็นปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ขณะนี้เศรษฐกิจไม่ได้ดี วันนี้เราต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั่วประเทศ รัฐบาลต้องหากลไกที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกัน เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันจึงจะสามารถเดินหน้าได้ นั่นคือเป้าหมายที่เราคาดหวัง
หากดูตามกรอบเวลา เราไม่น่าจะดำเนินการได้ทันภายในเดือนพฤษภาคม แต่รัฐบาลยังยืนยันเดินหน้านโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิตัลวอลเล็ตต่อไป ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบข้อจํากัดของเครื่องมือที่มี เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในขณะนี้ให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าเครื่องมือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิตัลวอลเล็ตอาจจะต้องเลื่อนเวลาออกไป
เรื่องการลดวงเงินได้เกิดมาก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งรอบ จากความเห็นของหน่วยงานหลายๆ หน่วยงาน ที่บอกว่าคนกลุ่มบนที่สุดจะไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ต้องการ เราก็รับฟัง จึงเป็นที่มาของการตัดงบประมาณลดลงมาเหลือราว 50 ล้านคนในปัจจุบัน แต่ผมไม่ได้ยินว่าจะลดเหลือ 30 ล้านคนจากที่ประชุม ข้อมูลนี้เป็นการรับฟังจากสื่อ ประเด็นนี้ผมจึงไม่สามารถตอบได้
สิ่งที่รัฐบาลทำไม่ใช่การดันทุรัง เรามองเห็นถึงปัญหาของเศรษฐกิจของประเทศ การเจริญเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ หากไม่ได้ลงพื้นที่สัมผัสกับพี่น้องประชาชนก็อาจไม่เข้าใจและมองไม่เห็นจุดนี้ รัฐบาลจึงพยายามชี้ให้เห็นว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องจําเป็น เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาแข็งแกร่งในระดับที่เป็นไปตามศักยภาพของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง
นี่คือความตั้งใจที่จะทําเพื่อประชาชน และนโยบายนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของประชาชนในระดับหนึ่ง ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพราะฉะนั้นจึงเป็นภาระหน้าที่รับผิดชอบของรัฐบาลที่จะพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาปากท้องแก่พี่น้องประชาชนครับ
รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาเร่งด่วนหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องของการลดค่าครองชีพ เรื่องการลดราคาพลังงาน เรื่องการพักหนี้ เรื่องการแก้ไขหนี้สินทั้งระบบ เรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด เราเดินหน้าหมดแล้ว ถ้าเรามีร้อยเรื่องที่ต้องทำ แล้วถ้านโยบายดิจิตัลวอลเล็ตจําเป็นจะต้องเป็นหนึ่งเรื่องที่ชะลอไป เพื่อให้สามารถเดินหน้าทําอีก 99 เรื่องได้ เรายินดีครับ กลไกของภาครัฐมีมากมาย เรามีศักยภาพเพียงพอที่จะมีหนทางในการช่วยเหลือประชาชน ฉะนั้นยังมีหนทางอีกมากมาย ภารกิจหน้าที่อื่นๆ ที่จะต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างรวดเร็วก็ต้องเดินหน้าต่อไป
สำหรับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท หลายหน่วยงานวิจัยด้านเศรษฐกิจเคยประเมินว่า จะสามารถช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ได้หากว่า รัฐบาลสามารถทำได้จริงแต่ก็ขึ้นยู่กับเงื่อนไขและวงเงินว่าจะมากถึง 5 แสนล้านบาทหรือไม่ หากไม่ถึงก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยลดหลั่นกันไป อย่างไรก็ตามทุกสำนักต่างมีการประเมินเผื่อในกรณีที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่เกิดขึ้นโดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะโตอยู่ระดับ 3% มากกว่าในปี 2566 ที่ผ่านมา แต่ละสำนักประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้อย่างไรบ้างอ่านต่อได้ที่ ส่องเศรษฐกิจไทย ปีมังกร ธาตุไม้ 2024