ไทยพบแร่ลิเทียม-โซเดียม มากเป็นอันดับ 3 ของโลก หวังเป็นHubผลิตแบตเตอรี่รถ EV

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ในช่วงปีที่ผ่านมาปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV กำลังอยู่ในกระแสที่ร้อนแรงทั่วโลก แต่ละค่ายรถยนต์ต่างเร่งพัฒนา ออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ พร้อมกับจุดเด่นที่ชวนซื้อ อีกทั้งยังมีมาตรการอุดหนุนรัฐอุดหนุน EV3.5 ทำให้ตลาดรถ EV ในประเทศไทยดูคึกคักเป็นพิเศษ ยอดจดทะเบียนรถไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตกว่า 339.05% และมีจำนวนทั้งสิ้น 73,341 คัน (ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2565 - 30 ก.ย. 2566)

แต่อีกหนึ่งโจทย์ท้าทายของการพัฒนาขุมพลังรถยนต์ไฟฟ้า ที่นับว่าเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน นั่นก็คือ แบตเตอรี่ ซึ่งหนึ่งในส่วนประกอบหลักในการผลิตแบตเตอรี่ ก็คือ แร่ลิเทียม ที่โดยส่วนใหญ่จะพบขึ้นตามแอ่งน้ำกร่อยตามธรรมชาติ

ด้วยความที่แร่ลิเธียมมักอยู่ปะปนกับสารประกอบอื่นตามธรรมชาติ จึงต้องสกัดแร่ลิเธียมออกจากสารประกอบอื่นๆ ก่อน ส่งผลให้มันมีราคาแพงตามความยากในกระบวนการผลิต

ล่าสุด ข้อมูลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ระบุว่า ประเทศไทยได้สำรวจพบ แร่ลิเทียมกว่า 14,800,000 ล้านตัน จากพื้นที่ศักยภาพถึง 2 แห่ง ในจังหวัดพังงา นั้นก็คือ

-  แหล่งเรืองเกียรติ

-  แหล่งบางอีตุ้ม

ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่ค้นพบแร่ดังกล่าวมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากโบลิเวีย (21 ล้านตัน) และอาร์เจนตินา (19 ล้านตัน)

นอกจากนี้ ไทยยังค้นพบแหล่งแร่โซเดียมในพื้นที่ภาคอีสานปริมาณสำรองอีกจำนวนมาก ซึ่งแร่ทั้งสองชนิดนี้ถือเป็น แร่หลักหรือวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100%

การค้นพบแร่ศักยภาพลิเทียม-โซเดียม นี้ถือเป็นทั้งข่าวดี และเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองแร่ลิเทียมมากที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาตั้งโรงงาน ท่ามกลางการแข่งขันของนานาประเทศ เพื่อให้ไทยมุ่งสู่การเป็นฐานผลิตหลักของภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการลิเทียมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าภายในปีพ.ศ. 2568 และจะต้องการมากกว่า 2 ล้านตันภายในปีพ.ศ. 2573

“จากการเติบโตของตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า การค้นพบแร่ 2 ชนิดที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ EV จะทำให้ไทยลดการนำเข้าและพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งด้วยนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และการค้นพบนี้จะทำให้ไทยกลายเป็นหมุดหมายที่สำคัญยิ่งในแผนที่โลกในการก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV” นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ที่มา : รัฐบาลไทย