เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารประชาชนจีน (People’s Bank of China : PBOC) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศ เพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจจริงที่กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ
โดยธนาคารกลางได้อัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 2 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท เข้าสู่ตลาดผ่านโครงการ MLF ซึ่งจะครบกำหนดในหนึ่งปี โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.30% ลดลง 0.20% จาก 2.50%
สำหรับการดำเนินการ MLF ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สองของเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งถือเป็นมาตรการพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินการตามปกติในช่วงกลางเดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นของสถาบันการเงินในช่วงปลายเดือน ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินปรับตัวสูงขึ้น
Wen Bin หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร Minsheng Bank ของจีน ได้ให้ความเห็นว่า การดำเนินการ MLF เพิ่มเติมในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน และเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนผ่านการลดต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจจริง
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ประกาศต่ออายุมาตรการสินเชื่อระยะกลาง (MLF) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เปิดตัวในปี 2014 เพื่อช่วยให้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารนโยบายรักษาสภาพคล่องทางการเงิน โดยอนุญาตให้กู้ยืมจากธนาคารกลางโดยใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกัน ข้อมูลจาก Wind Information ระบุว่า สินเชื่อ MLF ของธนาคารกลางมูลค่ากว่า 4 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะครบกำหนดในวันที่ 15 สิงหาคมนี้
PBOC ได้ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ย reverse repos ระยะ 7 วัน จาก 1.27% เหลือ 1.17% โดยเริ่มทำไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี LPR ทั้งระยะ 1 ปี และ 5 ปี จาก 3.45% เหลือ 3.35% และอัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 5 ปี จาก 3.95% เหลือ 3.85% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับสินเชื่อในตลาด
ด้านนักวิเคราะห์ ชี้ว่า การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินเชื่อภาคธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะช่วยบรรเทาภาระของภาคเศรษฐกิจจริงและกระตุ้นอุปสงค์ที่มีประสิทธิภาพ มาตรการเหล่านี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจีนมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาสภาพคล่องทางการเงินในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางจีน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของมาตรการต่างๆ จะเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป