หากเรานึกถึงของฝากเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินมาเที่ยวประเทศไทย เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะต้องนึกถึง ยาดมหงส์ไทย แป้งเย็นตรางู กางเกงมวยไทย หรือ กางเกงช้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ประเทศเราจะมีอีกหนึ่งไอเท็ม ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต่างป้ายยากันไปมา นั้นก็คือ ‘น้ำหอมกลิ่นแป้งเด็ก’ และที่สำคัญคือโฆษณากันหนักมาก ถึงขนาดที่เคลมว่า “นี่คือไอเท็มเด็ด ที่คุณต้องซื้อให้ได้ หากเดินทางมายังประเทศไทย”
‘น้ำหอมกลิ่นแป้งเด็ก’ คืออะไร แล้วทำไมนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงชอบไอเท็มนี้ บทความนี้ SPOTLIGHT ชวนทุกคนมาหาคำตอบ
น้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ คือ น้ำหอมแป้งจอห์นสัน (Johnson Baby Powder Perfume) และ น้ำหอมเบบี้ มายด์ (Babi Mild Baby Powder Perfume) ซึ่งทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้เดินทางมายังประเทศไทย และได้อัดคลิปลงใน TikTok ทั้งคอนเทนต์อวดสินค้าที่ต้องซื้อเมื่อมาไทย (Thailand Haul), คอนเทนต์รีวิวกลิ่นของน้ำหอมแป้งเด็ก
ซึ่งจากคอนเทนต์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ไทยเริ่มมีการรีวิวตาม เพราะมีกลิ่นที่หอมสดชื่น เหมือนกับเราแปะแป้งเด็กหลังอาบน้ำเสร็จ แถมที่สำคัญคือราคาถูกมาก (สามารถฉีดแบบอาบน้ำหอมได้เลย)
จากข้อมูลที่ทีม SPOTLIGHT สำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการดูรีวิวผ่าน TikTok หรือจากเว็บไซต์ Reddit ที่ชาวต่างชาติตั้งกระทู้ถาม พบว่า น้ำหอมแป้งจอห์นสัน (Johnson Baby Powder Perfume) และ น้ำหอมเบบี้ มายด์ (Babi Mild Baby Powder Perfume) เป็นสินค้าที่อินฟลูเอนเซอร์ส่วนใหญ่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Lazada และ Shopee โดยมีราคาประมาณขวดละไม่เกิน 100 บาท
เพราะเนื่องจากน้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กไม่มีขายตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของไทย แต่มีขายตามร้านค้าปลีกในห้าง เช่น MBK Center หรือ Fortune Town
จากการอ่านรีวิวของทีม SPOTLIGHT พบว่า มีน้ำหอมกลิ่นแป้งเด็ก Twelve Plus x Babi Mild perfume ที่มีกลิ่นคล้ายคลึงกับกับ 2 แบรนด์ แต่สามารถหาซื้อตาม 7-11 ทุกสาขาในประเทศไทย ซึ่งมีราคาขวดละ 69 บาท
ซึ่งความน่าสนใจอยู่ตรงที่ นี่คือการจับมือระหว่างแบรนด์น้ำหอมชื่อดังในตำนานในยุค 90 อย่าง Twelve Plus (ทเวลฟ์ พลัส) และแบรนด์สินค้าเด็กชื่อดังอย่าเบบี้มายด์ และมีบริษัทแม่เดียวกัน นั้นก็คือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
หากย้อนกลับไปในยุคที่ศิลปินเกาหลีเริ่มมีอิทธิพลกับกลุ่มวัยรุ่นไทย Twelve Plus ถือได้ว่าเป็นแบรนด์แรกๆได้ดึงศิลปินเกาหลีที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่แบรนด์ เช่น วง Super Junior
ซึ่งในตอนนั้นน้ำหอม Twelve Plus ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก วัดได้จากยอดขายที่เป็นปรากฏการณ์จากเหล่าบรรดาแฟนคลับต่างนิยมสะสมสินค้าของเหล่าไอดอลคนโปรดและจากกระแสที่ถูกพูดถึงจนขยายไปยังกลุ่มบุคคลทั่วไป เรียกได้ว่าในช่วงเวลานั้น ทเวลฟ์ พลัส เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกกลยุทธ์ไอดอล มาร์เก็ตติ้งจนกลายเป็นหนึ่งใน Business Model ให้กับแบรนด์อื่นๆ ในตลาดอีกมากมายในเวลาต่อมา
หลังจากนั้น ทางแบรนด์ก็ได้มีโปรเจคกับทาง BNK 48 หนึ่งในเกิร์ลไอดอลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคนั้น โดยกลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่างคือ การดึงเอาสมาชิกทั้ง 8 คนมาร่วมคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองขึ้นมา โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์น้ำหอม ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์สินค้าที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งของทเวลฟ์ พลัส กับ Flowerite Perfume Collection
รายได้ 22,250,779,320 บาท
กำไร 3,281,236,037 บาท
รายได้ 20,996,813,248 บาท
กำไร 2,622,901,268 บาท
รายได้ 20,269,128,236 บาท
กำไร 2,497,637,870 บาท
อ้างอิง : Reddit , Lazada , Shopee, TikTok, Credendata