จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ อย่างเพจเฟซบุ๊กธรรมดา ที่เล่าเรื่องราว ธุรกิจ การเงิน การลงทุน ให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ
มาวันนี้ จุดเล็ก ๆ ที่ว่า ถูกเชื่อมต่อไปอีกหลายจุด เกิดเป็นเพจในเครือเกิดขึ้นมาอีกมากมายทั้ง
- MarketThink เพจที่เล่าเรื่องการตลาด และ ธุรกิจ
- ลงทุนเกิร์ล เพจที่เล่าเรื่องธุรกิจสำหรับผู้หญิง
- BrandCase เพจที่เล่าเรื่องราวธุรกิจ โมเดลธุรกิจ
- MONEY LAB เพจที่เล่าเรื่องการเงินที่โรงเรียนไม่ได้สอน
และ
- Mao-Investor เพจที่เล่าเรื่องการลงทุนผ่านตัวการ์ตูนแบบติดตลก
จนกลายเป็นอาณาจักรสื่อ ที่มีผู้ติดตามรวมกันทุกช่องทาง 8,320,000 คน ภายในเวลา 8 ปี
ซึ่งนอกจากธุรกิจสื่อแล้ว ลงทุนแมนยังมีธุรกิจอื่นที่หลายคนอาจจะเคย หรือ ยังไม่เคยได้ยิน อย่างเช่น
- Blockdit แพลตฟอร์มโซเชียลมิเดียที่เน้นเนื้อหาที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์
- LTMH Rocket ธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา วางแผนการตลาด
- ธุรกิจออฟไลน์ อย่างธุรกิจจัดอิเวนต์ ที่เคยจัดงานลงทุนนอก, The Entrepreneur, และหนังสือ
- การลงทุนใน บลจ. ทาลิส จำกัด เจ้าของซีรีส์กองทุน MEGA10 ในสัดส่วน 25% โดยลงทุนแมนเป็นคนทำการตลาดกองทุนนี้ให้กับทาง บลจ.
ซึ่งแบ่งเป็นโครงสร้างรายได้ออกมาตามนี้
- สื่อ (โฆษณาบนเพจต่าง ๆ, Blockdit, LTMH Rocket) 92.74%
- ออฟไลน์ (หนังสือ, อิเวนต์) 7.24%
- อื่น ๆ 0.24%
ส่วนการลงทุนใน บลจ. ทาลิส จำกัด ลงทุนแมนจะได้รับส่วนแบ่งกำไรในอนาคต ตามสัดส่วนความเป็นเจ้าของ
ธุรกิจทั้งหมดนี้ทำให้ลงทุนแมนทำกำไรได้ปีละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท มากพอที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นในชื่อ LTMH
รายได้ กำไร 3 ปีล่าสุดของ LTMH
- ปี 2565 รายได้ 174 ล้านบาท กำไร 31 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 226 ล้านบาท กำไร 38 ล้านบาท
- ปี 2567 รายได้ 232 ล้านบาท กำไร 35 ล้านบาท
โดยกำไรในปีล่าสุด ลดลงจากการลงทุนครั้งใหม่ในธุรกิจแพลตฟอร์มสร้างความมั่งคั่งผ่านกองทุนรวมอย่าง WealthX
ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมองว่าจะสร้างรายได้ได้อย่างสม่ำเสมอ (recurring income) และจะสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคต
โดยทาง LTMH มองว่าธุรกิจตรงนี้ ไม่มีเจ้าตลาดทำให้แข่งขันได้
และมองว่าบริษัทจะเข้าไปกินส่วนแบ่งสินทรัพย์ภายใต้การจัดการในธุรกิจกองทุนรวมได้ 1-2% จากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 3,100,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
ส่วนการระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ LTMH จะทำการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น จากเดิม 150 ล้านหุ้น
ซึ่งหลังเสนอขายแล้ว LTMH จะมีจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 200 ล้านหุ้น โดยราคา IPO จะมีการประกาศเพิ่มเติมในภายหลัง
ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะถูกเอาใช้หลัก ๆ 3 เรื่อง คือ
- ขยายธุรกิจ WealthTech กองทุนรวม
- ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
- ชำคืนเงินกู้
โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.9 เท่า ส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 0.2 เท่า
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ ลงทุนแมน ไม่ใช่แค่เพจเฟซบุ๊กอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น LTMH บริษัทที่จะสร้างระบบนิเวศน์ด้านความมั่งคั่งให้กับคนไทย
ซึ่งต่อยอดมาจากความแข็งแกร่ง และ น่าเชื่อถือ ของแบรนด์สื่อในเครือมาต่อยอดในธุรกิจ WealthTech กองทุนรวม ที่ทางบริษัทเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ และ สร้างการเติบโตได้ในอนาคต
ที่ต้องติดตามกันต่อไปว่า บริษัทจะทำสำเร็จหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เวลาในอีก 5 ปีข้างหน้าที่บริษัทบอกไว้ จะเป็นคนให้คำตอบ
ที่มา: LTMH