อิสราเอล-เลบานอนถล่มกันหนัก หวั่นอิสราเอลส่งทหารภาคพื้นดินบุกเร็วๆนี้

เมื่อวานนี้ (25 กันยายน) อิสราเอลเปิดฉากการโจมตีใส่เลบานอนอีกระลอก โดยกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 72 ราย และบาดเจ็บเกือบ 400 คน ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพของอิสราเอลบอกกับทหารที่ประจำการอยู่ริมชายแดนเลบานอนว่าให้เตรียมพร้อมบุกภาคพื้นดิน จู่โจมกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

อิสราเอล-เลบานอนยิงใส่กันสนั่น

การยิงตอบโต้กันไปมาระหว่างอิสราเอลและเลบานอนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยว่า ได้พุ่งเป้าโจมตีไปที่สำนักงานใหญ่ของมอสซาด หน่วยข่าวกรองของอิสราเอล ด้วยการยิงมิสไซล์ถล่มกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอล และนี่เป็นครั้งแรกที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์พุ่งเป้าโจมตีไปยังพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างคับคั่งในอิสราเอล

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า อิสราเอลสามารถยับยั้งการโจมตีเอาไว้ได้ และไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด นอกจากนี้ สำนักงานใหญ่ของมอสซาดไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ทางฮิซบอลเลาะห์โจมตี

แต่ฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงจรวดมายังตอนเหนือของอิสราเอล ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุโจมตีของอิสราเอลระลอกใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ราย และบาดเจ็บ 223 คน แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าเป็นพลเรือนหรือนักรบฮิซบอลเลาะห์ ส่วนทางกองทัพอิสราเอลเผยว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลได้ยิงโจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์กว่า 280 จุด

ด้านผู้นำกองทัพของอิสราเอลได้แจ้งกับทหารบริเวณชายแดนเลบานอนว่า ตอนนี้อิสราเอลกำลังเดินหน้าจู่โจมและโจมตีเลบานอนทุกหนทุกแห่ง เป้าหมายตอนนี้ชัดเจนมาก คือการคืนที่อยู่อาศัยอันปลอดภัยให้แก่ประชาชนทางตอนเหนือของอิสราเอล และเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น เรากำลังเตรียมพร้อม กองทัพอาจจะต้องเข้าไปในดินแดนของศัตรู เพื่อทำลายศัตรูและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าอิสราเอลจะเดินหน้าบุกเลบานอนภาคพื้นดิน และกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯก็เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า น่าจะยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้

Aljazeera. BBC