เมื่อเวลา 6.29 น. ของเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มติดอาวุธฮามาส ซึ่งครอบครองดูแลพื้นที่ฉนวนกาซามาตั้งแต่ปี 2007 เปิดปฏิบัติการรุกเข้าไปในดินแดนของอิสราเอล พร้อมทั้งยิงจรวดเข้าโจมตี เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,189 ราย และประชาชนอีก 251 คนถูกลักพาตัวจากฝั่งอิสราเอลเข้าไปยังกาซา หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลประกาศทำสงครามทันที
นับจากนั้นอิสราเอลเปิดปฏิบัติการ “ดาบเหล็ก” ระดมโจมตีกาซา และระดมกำลังทหารเกือบ 3 แสนนายเพื่อบุกเข้าไปในดินแดนของปาเลสไตน์ภายในเวลาเพียงแค่ 48 ชั่วโมง ซึ่งนับจนถึงขณะนี้ ปฏิบัติการของอิสราเอลถล่มปาเลสไตน์เพื่อตามล่าตัวกลุ่มฮามาส คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 41,000 คน และทำให้มีผู้บาดเจ็บรวมเกือบ 1 แสนคน
นั่นคือจุดเริ่มต้นของวิกฤตความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งลุกลาม ใหญ่โต สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของทั้งสองฝ่าย
อิสราเอลทุ่มงบมหาศาลไปกับสงคราม-เศรษฐกิจยังไม่เห็นทางฟื้น
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า การที่อิสราเอลทุ่มงบหลายพันล้านโจมตีกาซาและปาเลสไตน์ เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปเมื่อดูจากเศรษฐกิจของอิสราเอล ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว เพราะมีดัชนีหลายตัวที่บ่งบอกถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจอิสราเอล ทั้งการลงทุนจากต่างชาติที่ลดลง และที่แน่ชัดคือ รายได้จากการท่องเที่ยวหายไป
เชียร์ เฮเวอร์ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองอิสราเอล ออกมาเตือนในบทสัมภาษณ์กับสำนักข่าว Anadolu ว่า วิกฤตเศรษฐกิจมีแต่จะยิ่งเลวร้ายลง เลวร้ายลง และยังไม่เห็นสัญญาณใดๆสำหรับการฟื้นตัว
ความเสียหายทางเศรษฐกิจสำหรับการที่อิสราเอลทำสงครามในกาซา และประเทศเพื่อนบ้าน นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว คาดว่า สูงถึงประมาณ 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ขณะที่ธนาคารแห่งอิสราเอลประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า งบประมาณการทำสงครามจะพุ่งไปอยู่ที่ราว 66,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในสิ้นปีหน้า
สำหรับเศรษฐกิจอิสราเอล เมื่อดูจากตัวเลขต่างๆ พบว่า ขยายตัวเพียงแค่ 0.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 และเมื่อเดือนสิงหาคม สัดส่วนงบขาดดุลเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี พบว่าติดลบ 8.3 เปอร์เซ็นต์
เชียร์ เฮเวอร์ นักเศรษฐศาสตร์การเมืองอิสราเอลยังบอกด้วยว่า ราคาที่ต้องจ่ายแพงมาก ขณะที่มาตรฐานการใช้ชีวิตของประชาชนลดต่ำลง เกิดเงินเฟ้อ และมูลค่าค่าเงินอิสราเอลก็ลดลง
ขณะที่ภาคการลงทุนจากต่างชาติก็แห้งเหือดหายไป อีกทั้งยังมีแรงงานกว่า 85,000 คนหล่นหายออกไปจากตลาดแรงงาน ส่วนประชาชนถึงหนึ่งในสี่ของทั้งประเทศต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัยและตกงาน ขณะที่การท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ เพราะไม่มีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเลย
ส่วนสถานการณ์การเงินภายในประเทศ นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า มีธุรกิจกว่า 46,000 แห่งล้มละลาย และภาคอุตสาหกรรมไฮ-เทคโนโลยี ซึ่งเคยเป็นส่วนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอิสราเอล ก็เป็นที่น่ากังวล บริษัทไฮเทคต่างๆพยายามโยกย้าย เพราะในเวลานี้ พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยเมื่ออยู่ในอิสราเอลที่เต็มไปด้วยสงคราม และพวกเขาก็เป็นกังวลว่า พนักงานจะถูกส่งไปรบด้วยในวันหนึ่ง นอกจากนี้ ยังไม่มีความปลอดภัยทั้งทางเศรษฐกิจและชีวิตอีกด้วย
เฮเวอร์ยังบอกด้วยว่า การที่อิสราเอลเดินหน้าทำสงครามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถูกหลายประเทศบอยคอตต์ ซึ่งทำให้อิสราเอลไม่สามารถกลับไปทำการค้าขายได้เหมือนเมื่อก่อนกับต่างชาติอีกต่อไป
80-96% ของสินทรัพย์เกษตรในกาซาหายไป
ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ UNCTAD เปิดเผยรายงานว่า ปฏิบัติการทางทหารทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ที่อยู่อาศัย และความเสียหายต่างๆของอาคารบ้านเรือน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งกาซา และเวสต์แบงก์เจอความรุนแรงและความสูญเสียมากมาย รายงานพบว่า นับจนถึงช่วงต้นปี 2024 ราว 80-96 เปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์ทางการเกษตรในกาซา เช่น ระบบชลประทาน ฟาร์มปศุสัตว์ โรงเก็บของทางการเกษตร ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารของปาเลสไตน์ และยิ่งทำให้สถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารเลวร้ายลง
ขณะที่ภาคธุรกิจเอกชน 82 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจต่างๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจกาซา ก็ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายทั้งหมด
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของกาซา ร่วงลงถึง 81 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 และนับจนถึงกลางปี 2024 เศรษฐกิจกาซาก็ดิ่งลงอยู่ต่ำกว่า 1 ใน 6 ของระดับจีดีพีเมื่อปี 2022
ขณะที่ในเวสต์แบงก์ 96 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจต่างๆมีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่ลดลง และ 42.1 เปอร์เซ็นต์ต้องลดแรงงานลง ตำแหน่งงานกว่า 300,000 ตำแหน่งหายไป