กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่ดือน มกราคม 2565 โดยไม่ได้กังวลกับโควิดสายพันธุ์โอมิครอน
3 พ.ย.64 โดยก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่า โอเปกพลัส อาจระงับแผนการเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนม.ค.2565 เพื่อรับมือกับความต้องการน้ำมัน ที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน และเพื่อเป็นตอบโต้มาตรการของสหรัฐและประเทศพันธมิตรในการระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองด้วย แต่ในทีสุด โอเปกตัดสินยึดตามมติเดิม คือ การกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวัน
.
สำหรับความต้องการใช้น้ำมันปีนี้ 2564 ที่กำลังจะสิ้นสุดลลง โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์ การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ สู่ระดับ 5.65 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 5.82 ล้านบาร์เรล/วัน
.
บทวิเคราะห์ จากไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจุบันกลุ่มโอเปกพลัสยังไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามเป้าหมายรายเดือน เนื่องจากสมาชิกหลายรายยังคงขาดการลงทุน ส่วนสหรัฐฯ แสดงท่าทีพอใจกับการตัดสินใจของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่กล่าวเสริมว่าสหรัฐฯไม่มีแผนที่จะพิจารณาทบทวนการตัดสินใจระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์(SPR) โดยสหรัฐฯ มีแผนที่จะขายน้ำมันดิบ 32 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์(SPR) 4 แห่ง ที่จะส่งมอบระหว่างปลายเดือนธ.ค. ถึงเม.ย. 65 และจะผลักดันให้ประเทศอื่นๆ ทำเช่นเดียวกัน
.
ส่วนราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตอบรับกับข่าวกำลังการผลิตที่จะมากขึ้นจากโอเปกพลัส
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 66.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 69.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
.
หลังจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในสหรัฐ หลังจากกระทรวงสาธารณสุขของรัฐมินนิโซตาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นรายที่ 2 ของสหรัฐ โดยผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และเพิ่งเดินทางกลับจากกรุงนิวยอร์ก หลังจากที่เข้าร่วมการประชุม Anime NYC 2021 ในระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย