ข่าวเศรษฐกิจ

นายกฯ เร่งทำโรดแมปการค้าไทย-ซาอุ ตั้งเป้าส่งออกโต 6.2% ชู 3 กลุ่มสินค้าเป้าหมาย

14 ก.พ. 65
นายกฯ เร่งทำโรดแมปการค้าไทย-ซาอุ  ตั้งเป้าส่งออกโต 6.2%  ชู 3 กลุ่มสินค้าเป้าหมาย

นายกฯ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งทำโรดแมปการค้าไทย-ซาอุ ด้านการค้าการลงทุน-ด้านแรงงาน ตั้งเป้าส่งออกโต 6.2% ชู 3 กลุ่มสินค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ 1. สินค้าเกษต อาหารฮาลาล 2. สินค้าอุตสาหกรรม ประเภทยานยนต์และส่วนประกอบ 3. ภาคบริการ ผ่านโรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์ - โรงแรม, ท่องเที่ยว

 
 
 
 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งวางโรดแมปเพื่อสานต่อความร่วมมือไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน และด้านแรงงาน ซึ่งทั้งสองประเทศมีศักยภาพในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยได้พิจารณาจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคี เพื่อผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม
 
 
 
สำหรับการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้ขยายความร่วมมือผ่านการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ โดยด้านการค้าการลงทุน จะเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่สินค้าและธุรกิจของไทย ซึ่งล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกของไทยไปยังซาอุดีอาระเบียในปี 2565 จะมีการขยายตัวกว่า 6.2%
 
 
 
ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่า ในปี 2565 ไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ถึง 15% และจะมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการส่งออกสินค้าไปยังซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการค้าการลงทุน การทำธุรกิจและการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อต่อยอดไปยังสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักและทำการตลาดได้มากขึ้น เนื่องจากสินค้าไทยมีคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของซาอุดีอาระเบียได้โดดเด่นที่สุดในอาเซียน
 
 
 
โดยมีสินค้าเป้าหมาย 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. สินค้าเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล เช่น ข้าว อาหารทะเลแปรรูป ไก่สด ผลไม้ กาแฟ ขนมจากน้ำตาล เครื่องปรุงรส อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช 2. สินค้าอุตสาหกรรม ประเภทยานยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า 3. ภาคบริการ ผ่านโรงพยาบาลและบริการทางการแพทย์ ตลอดจนโรงแรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งไทยล้วนมีศักยภาพในการผลิตและพร้อมส่งออก รวมถึงผ่านซาอุดีอาระเบียไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
 
 
 
ด้านความคืบหน้าแรงงานไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยเข้าทำงานในซาอุดีอาระเบีย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานงานกับสำนักงานแรงงานของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในการหารายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงาน ประเภทงาน ระดับทักษะฝีมือ และคุณสมบัติเบื้องต้นของแรงงานที่นายจ้างซาอุดีอาระเบียมีความต้องการ รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพและปรับเพิ่มทักษะฝีมือแก่แรงงานไทย (upskill & reskill) เพื่อให้สอดรับกับความต้องการแรงงานของซาอุดีอาระเบีย
 
 
พร้อมทั้งเปิดช่องทางรับลงทะเบียนแรงงานไทยที่สนใจเข้าทำงานผ่านเว็บไซต์ toea.doe.go.th ซึ่งเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ (Overseas Employment E-Service) และเว็บไซต์กรมการจัดหางาน www.doe.go.th/prd
 
 
ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปจะมีการลงนามระหว่าง รมว.แรงงาน และ รมว.ทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565
 
 
 
"นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการวางโรดแมปความร่วมมือด้านต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อต่อยอดความร่วมมือจากการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องหารืออย่างครอบคลุม และรอบคอบด้วยการประสานงานจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ" นายธนกร ระบุ
 
 
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้ติดตามความคืบหน้า และต้องมีการรายงานผลที่เป็นรูปธรรมภายใน 2 เดือนนี้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการดำเนินการของรัฐบาลไทยจะขยายต่อความร่วมมือไปยังด้านอื่นๆ ที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพได้อีกมาก ต่อเนื่องสร้างพลวัตด้านความสัมพันธ์ไปยังอนาคต
 
 
 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT