ข่าวเศรษฐกิจ

วันนี้น้ำมันปาล์มขวดลด 4-5บาท/ขวด หลังต้นทุนราคาผลปาล์มร่วงลด

14 ก.ค. 65
วันนี้น้ำมันปาล์มขวดลด 4-5บาท/ขวด หลังต้นทุนราคาผลปาล์มร่วงลด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้เร่งรัดการปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดตามต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง โดยร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า จะเริ่มปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดลง 4-5 บาท จากราคาขายปัจจุบันที่ขวดละ 69-70 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 65 เป็นต้นไป เพื่อให้มีราคาสะท้อนตามต้นทุนที่แท้จริง

 

 

ทั้งนี้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานผลการประชุมร่วมกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ซูเปอร์มาร์เกต ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือ แต่การลดราคาอาจจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับต้นทุนและสต็อกเก่าที่มีค้างอยู่ของแต่ละผู้ประกอบการ แต่ยืนยันได้ว่าน้ำมันปาล์มขวดจะต้องขายตามต้นทุนที่แท้จริง หากผลปาล์มดิบลดราคา น้ำมันปาล์มขวดก็ต้องปรับลดด้วย

 

 

ก่อนหน้านี้ประชาชนและผู้ประกอบร้านอาหารได้ร้องเรียนถึงปัญหาน้ำมันปาล์มขวดที่ยังมีราคาแพง ไม่ได้ปรับลดลงแม้ราคาผลปาล์มดิบที่เกษตรกรจำหน่ายจะลดมามาก โดยราคาน้ำมันปาล์มขวดตามร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก ร้านโชวห่วย ช่วงต้นเดือน ก.ค. 2565 ราคายังอยู่ที่ขวดละ 69-70 บาท ใกล้เคียงกับช่วง 2-3 เดือนก่อน ทั้งๆ ที่ราคาผลปาล์มดิบลดลงมาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 7-8 บาท จากที่เคยสูงสุด 11-12 บาท และน้ำมันปาล์มดิบ กก.ละ 42.5-43.5 บาท จาก 62-63 บาท และต่อมานายจุรินทร์ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในไปหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้หาทางปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดลงมาตามต้นทุนที่แท้จริง โดยกำหนดไว้ว่าภายในสัปดาห์นี้ราคาจะต้องปรับลดลง

 

 

สำหรับโครงสร้างการคำนวณราคาประมาณการของผลปาล์มน้ำมัน น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มขวด ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้เป็นราคาแนะนำให้ปฏิบัติ พบว่า หากราคาผลปาล์มดิบอยู่ที่ กก.ละ 7.50-7.80 บาท เท่ากับราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ กก.ละ 42.50-43.50 บาท และหากแปลงเป็นน้ำมันปาล์มขวด จะต้องขายที่ขวดละ 57.25- 58.75 บาท แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มขวดที่ขายในท้องตลาดยังราคาสูงถึงขวดละ 69-70 บาท แพงกว่าโครงสร้างราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ถึง 10-12 บาท และตั้งแต่ต้นปีราคาน้ำมันปาล์มขวดสูงขึ้นมาแล้ว15 บาท

 

 

สำหรับสินค้าทั่วไป สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ยังได้ติดตามกำกับดูแลสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีการปฏิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยให้ร้านค้าต้องปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาหรือจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร ตัวเลข ณ วันที่ 12 ก.ค. มีการสำรวจรวม 299 แห่ง จากห้างสรรพสินค้า 105 แห่ง ร้านค้าปลีก - ส่ง 129 แห่ง และตลาดสด 65 แห่ง โดยยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.65 รวมทั้งสิ้น 4,635 แห่ง จากห้างสรรพสินค้า 1,613 แห่ง ร้านค้าปลีก - ส่ง 2,139 แห่ง และตลาดสด 883 แห่ง พบว่าขณะนี้สินค้ามีเพียงพอกับความต้องการในแต่ละพื้นที่

 

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT